กรณีอันเกี่ยวกับ “คาร์บอมบ์”ไม่เพียงแต่ทำให้ได้”สัมผัส”กับมิติใหม่ๆทางด้าน “การข่าว”
1 คือ ประชาคม”ข่าวกรอง”
และ 1 คือ กระบวนการ”แจ้งเตือน”
หากแต่ยังทำให้ความรับรู้ในเรื่อง “กรอบ”และ”ความรับผิดชอบ” ดำเนินไปอย่างมีระบบในตัวเอง
คำถามก็คือ ขอบเขตแห่งประชาคม”ข่าวกรอง”เป็นอย่างไร
ขณะเดียวกัน คำถามอันมากด้วยความแหลมคมเป็นพิเศษก็คือ กระบวนการ”แจ้งเตือน”เป็นเรื่องระดับไหน
การศึกษาจาก “ถ้อยแถลง”จึงมีความสำคัญ
ไม่ว่าจะเป็นของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
กำกับงานด้าน “ความมั่นคง”
ยิ่งของ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ยิ่งของ พล.อ.อักษรา เกิดผล ยิ่งมีความสำคัญ
เท่ากับเป็น”เงาสะท้อน”ทาง”ความคิด”
หากฟังจาก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ก็จะตระหนักในเป้าหมายใน การ”แจ้งเตือน”อย่างเป็นรูปธรรม
ต้องการให้ “ตื่นตัว” มิใช่ “ตื่นตระหนก”
ขณะเดียวกัน หากฟังจาก พล.อ.อักษรา เกิดผล ซึ่งเป็น 1 ในสิ่งที่เรียกว่า “ครม.ส่วนหน้า”
การ”แจ้งเตือน”นี้เป็นเรื่องของ “ตำรวจ”
ความหมายก็คือ มิได้เป็นเรื่องของ”ครม.ส่วนหน้า” ขณะเดียว กัน เมื่อประสานกับเสียงของ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท
ก็มิได้เป็นเรืองของ “ทหาร”
ยิ่งติดตามรายละเอียดจากคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ยิ่งมากด้วยความแจ่มชัด
คำพูดจากปาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ปรากฏในฐานะผู้รับผิด ชอบงานด้าน”ความมั่นคง” แน่นอน
1 เป็นการแจ้งเตือนให้เฝ้าระวัง
เพราะว่าเดือนตุลาคมมีเทศกาลสำคัญ ไม่ว่าจะในด้านของบีอาร์เอ็น ในด้านของพูโล และวาระสืบเนื่องจากตากใบ
1 เป็นความไม่แน่ใจเรื่อง “คาร์บอมบ์”
“ไม่รู้ว่าออกมาได้อย่างไร ใครเอาเรื่องนี้มาก็ต้องไปดูกัน ผมให้ทำทุกเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงไม่ใช่จับจ้องแต่เรื่องคาร์บอมบ์”
เหมือนกับเป็น”คำถาม”ในลักษณะลอยๆ
แต่คนที่ต้องวูบไหวอย่างเป็นพิเศษ คือ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิ พราหมณกุล
นั่นคือฐานที่มาของ “คาร์บอมบ์”
หากไม่มีคำว่า “คาร์บอมบ์” ก็ยากยิ่งที่การ”แจ้งเตือน”นี้จะประสบผลสำเร็จ
เพียงแต่เป็น”รายรับ”ที่อาจมี”รายจ่าย”ตามมา