“ดอน” เผยเป้าไทยอยากเห็นปัญหายุติ แจง “บิ๊กตู่” ไปสหรัฐประชุมร่วมผู้นำมะกันปลายมี.ค. ไม่กระทบสัมพันธ์รัฐเซีย เผย กำลังหาทางช่วยคนสองชาติในไทย
เมื่อเวลา 14.45 น. เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีการปิดห้องห้องหารือกันต่อถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ว่า ท่าทีและเป้าหมายของไทยคือ อยากจะเห็นปัญหายุติ เราชัดเจนอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้ยุติผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงจะต้องเจรจา ซึ่งมีการเจรจากันอยู่ ขณะเดียวกัน มีหลายประเทศและหลายฝ่ายที่มีความเห็นตรงกันว่าอยากช่วยให้เรื่องนี้ยุติโดยเร็ว เพราะถ้ายืดเยื้อไปจะกระทบกันหมด กระทบตั้งแต่เรื่องเงินเฟ้อ ของแพง ทุกๆอย่างที่มันโยงกันไปหมด ฉะนั้น อะไรที่เราทำได้ อะไรที่จะช่วยลดผลกระทบของประเทศไทยเราจะทำเป็นอันดับแรก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในที่หารือได้มีการประเมินหรือไม่ว่า สถานการณ์จะยืดเยื้อไปอีกนานแค่ไหน นายดอน กล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดถึงว่าจะยืดเยื้อขนาดไหน ขณะนี้ดูวันต่อวัน เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดมา 10 กว่าวัน และมีผลกระทบสูง แต่ผลกระทบที่สูงกว่านั้นคือ สถานการณ์บานปลาย ไม่มีใครต้องการเห็นสิ่งเหล่านี้ ไม่ว่าประเทศไหนก็ตาม ยกเว้นอาจจะมีบางกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเรื่องเหล่านี้ แต่ภาพใหญ่คนอยากจะเห็นการเจรจาที่ดำเนินอยู่นำไปสู่ความเข้าใจที่พอจะรับกันได้ และทำให้สถานการณ์บรรเทาเบาบางได้ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ผ่านมามีความพยายามกันมามากมายอยู่แล้วในหลายวงการด้วยกัน
เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้รับเชิญจากสหรัฐอเมริกาให้ไปประชุมสุดยอดพิเศษของสหรัฐอเมริกาและผู้นำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในวันที่ 28-29 มี.ค. ที่กรุงวอชิงตัน จะไม่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของไทยกับรัสเซียใช่หรือไม่ นายดอน กล่าวว่า ไม่ เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีปัญหาเหมือนในปัจจุบัน เราคุยกันในหลักการแล้วว่าจะมีการพูดคุยกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯกับผู้นำในประเทศอาเซียน และพล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบรับไปเข้าร่วมการประชุมตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่มีอะไร อย่างไรก็ตาม เราต้องช่วยกันทำให้ประชาชนใช้ชีวิตอยู่ได้แม้ได้รับผลกระทบทั้งจากเรื่องสินค้าและเรื่องต่างๆ มากมายจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน
เมื่อถามถึงการดูแลคนรัสเซียและยูเครนในประเทศ นายดอน กล่าวว่า ต้องช่วยกันดูแล เพราะคนทั้งสองประเทศได้รับความเดือดร้อน ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เมื่อมีปัญหาเราต้องดูแล ส่วนจะดูแลอย่างไรนั้น ต้องดูในความจำเป็นที่เขาต้องการ อย่างเช่น คนรัสเซียจะมีปัญหาเรื่องเครดิตการ์ดใช้ไม่ได้ เพราะถูกอายัด ต้องดูว่าจะต้องทำอย่างไร ต้องดูแลในส่วนนี้ เพราะคนไม่มีเงินจะมีปัญหาเรื่องที่พักและอาหาร ต้องมาแยกแยะกันอีกว่ากลุ่มไหนเป็นกลุ่มไหน
