ผบช.ภ.1 ชี้ ‘ปอ-โรเบิร์ต’ ต้องรายงานตัวทุก 5 วัน อ้างปฏิบัติธรรมไม่ได้ รอหลักฐาน 1-2 อาทิตย์ก่อนสรุปคดี
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 มีนาคม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ได้เชิญตัวนายวินิต ตรีปัญญา หรือ ลุงนิด คนหาปลา ที่ทาง นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ชื่อเล่น เต้ ส.ส.พรรคไทยศิวิไลซ์ อ้างว่าเจอแตงโม นิดา ขณะกำลังวางตาข่ายดักปลาแล้วไม่ยอมช่วย ขณะที่ ปอ- นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ กับ โรเบิร์ต- นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ นัดหมายกับพนักงานสอบสวนเพื่อเดินทางมารายงานตัวเนื่องจากครบกำหนดผลัดฟ้องฝากขังครั้งที่ 2 แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ปรากฏตัว มีเพียงทนายความที่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน คาดว่าน่าจะมาขอทำเรื่องผลัดฟ้องฝากขังแทน
ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ 1 เดินทางมาที่สภ.เมืองนนทบุรี ให้ข้อมูลว่าตามเงื่อนไขสัญญาการประกันตัวที่ผกก.สภ.เมืองนนทบุรีทำไว้ คือต้องมารายงานตัวในวันนี้ หากไม่มาจะอ้างว่าปฏิบัติธรรมอยู่ก็ไม่เข้าเงื่อนไข ซึ่งตามเงื่อนไขที่พนักงานสอบสวนเพิ่มเติมเข้าไปคือจะต้องมารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนทุก 5 วัน ห้ามออกนอกประเทศ แจ้งที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ส่วนความคืบหน้าในคดีเราได้สอบปากคำพยานไปแล้วทั้งหมด 115 ปาก การทดลองเมื่อวานนี้ได้มีการนำเรือลำดังกล่าวลงน้ำ โดยนำคนจำนวนเท่ากับวันเกิดเหตุและมีน้ำหนักใกล้เคียงกัน เพื่อดูท่าทางของเรือว่ามีลักษณะอย่างไรเมื่อวิ่งด้วยความเร็ว และการทดลองบาดแผล เมื่อวานก็มีทั้งหมอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานร่วมกันตีความ ทดลองว่าตกน้ำแบบนี้บาดแผลที่เกิดขึ้นจะมีลักษณะอย่างไรบ้าง ซึ่งในกระบวนการสอบสวนก็คงจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนหลักฐานต่างๆหากใครมีมาพนักงานสอบสวนก็จะรับไว้พิจารณา หากนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำความผิดได้ เรายังไม่ทิ้ง หากมีข้อมูลอะไรก็จะทำการสอบสวนต่อ ส่วนคุณมงคลกิตติ์ได้นัดพบพนักงานสอบสวนในเวลา 11.00 น.วันนี้ พนักงานสอบสวนก็จะสอบถามว่ามีพยานหลักฐานอะไรบ้าง ที่มาของพยานหลักฐานเป็นอย่างไรมาจากแหล่งไหน ที่ผ่านมานายมงคลกิตติ์ก็ยังไม่ได้มอบหลักฐานอะไรให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเลย ส่วนผ้าคลุมสีขาวขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่พบ จากการสอบสวนเราเชื่อว่าหายไปขณะที่แตงโมตกน้ำไปแล้ว ตอนนี้พยานหลักฐานอื่นเรามีแน่นหนาเพียงพอ และจากการที่เราจำลองเหตุการณ์หลายครั้งยังไปไม่ถึงผ้าสีขาว เมื่อวานเรามีการจำลองตกเรือในลักษณะต่างๆว่าตกแบบนี้จะเกิดบาดแผลอย่างไร
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยพนักงานสอบสวนเราทำหน้าที่อย่างเต็มที่มาโดยตลอด ส่วนการที่คดีจะไปที่ DSI ต้องเป็นการร้องขอของผู้เสียหายซึ่งเกิดความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เส้นทาง DSI ก็จะมีคณะกรรมการว่าคดีไหนเข้าข่ายที่จะรับคดีไว้ ส่วนการจะนำเข้าเครื่องจับเท็จหรือไม่ผมได้หารือกับผู้การพิสูจน์หลักฐาน 1 ซึ่งเป็นเรื่องที่เราสามารถทำได้ตอนนี้ผู้การพิสูจน์หลักฐาน 1 ก็ได้มีการเตรียมคำถามต่างๆไว้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจร่วมกัน ผมไม่ได้บอกว่าจะนำเข้าเมื่อไหร่แต่เพราะสังคมสนใจเรื่องการนำเข้าเครื่องจับเท็จจริงให้เตรียมไว้ให้พร้อม ก็ไม่ได้เสียหายอะไร พยานหลักฐานเราเพียงพอเราก็ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ ซึ่งตอนนี้หลักฐานต่างๆเราต้องรออีกประมาณ 1 อาทิตย์ถึง 2 อาทิตย์ เมื่อได้มาก็จะเข้าสู่กระบวนการสรุปคดี
