“พล.ต.อ.สมศักดิ์”ผอ.ลูกเสือชาวบ้าน เล่าครั้งในหลวงเสด็จเยี่ยมตชด.กับการพัฒนาพื้นที่หุบกะพง

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 ตุลาคม ที่ พิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รรท.ผู้บังคับการสารนิเทศ พร้อมด้วย พล.ต.อ.สมศักดิ์ แขวงโสภา อดีต ผบช.ตชด. ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการลูกเสือชาวบ้านในพระบรมราชานุเคราะห์ นางอรุณศรี เฟื่องแก้ว อายุ 60 ปี และนางกัลยา เจริญทำนุกิจ อายุ 56 ปี เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการภาพถ่ายเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันครบรอบ116ปี วันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและเป็นห้วงเวลาแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)เปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมนิทรรศการได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ เวลา 08.30-16.30 น.ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน

พล.ต.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เริ่มเข้ารับราชการตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.)ตั้งแต่ปี 2513ก่อนมาปฏิบัติหน้าที่ ต้องมีการฝึกหลักสูตรต่อต้านความไม่สงบ และหลักสูตรกระโดดร่ม ผู้บังคับบัญชาของตำรวจตระเวนชายแดนให้ความรู้และสั่งสอน โดยเฉพาะพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ โดยเฉพาะสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานหลักการทำงานที่สำคัญ เรียกว่ายุทธศาสตร์สำหรับตำรวจตระเวนชายแดนในยุคนั้น

พล.ต.อ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2513 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จเยี่ยมตำรวจตระเวนชายแดนที่ค่ายดารารัศมี กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 5 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ จนกระทั่งประชาชนให้ความไว้วางใจ ด้วยการช่วยเหลือเรื่องวัตถุสิ่งของ เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภคบริโภค ในยามที่อยู่ในพื้นที่ก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เหมือนญาติพี่น้อง สิ่งนี้จะทำให้ประชาชนเห็นตำรวจตระเวนชายแดนเป็นมิตร เป็นเพื่อนที่ดี สามารถพึ่งพาได้ ทั้งนี้ต้องให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนา เช่น เรื่องการศึกษา สาธารณสุข และอื่นๆ ในเรื่องการถวายงานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่พระองค์ได้เสด็จแปรพระราชฐานที่วังไกลกังวล และได้เสด็จเยี่ยมเยียนประชาชนที่ห้วยมงคล อ.หัวหิน ปรากฏว่ารถของพระองค์ท่านไปติดหล่ม ตำรวจพลร่มที่ถวายอารักขาช่วยเข็นพาหนะ พระองค์ท่านไว้วางพระราชหฤทัยตำรวจพลร่มในการพัฒนาที่หุบกะพง ห้วยสัตว์ใหญ่ ห้วยมงคล และพื้นที่ใกล้เคียง พระองค์ท่านเห็นว่าทางทุรกันดาร เวลาประชาชนใช้เส้นทางรถก็ติดหล่ม จึงได้พระราชทานรถแทรกเตอร์ดีซี และดี6 ให้ตำรวจพลร่ม ใช้พัฒนาเส้นทาง ถือว่าเป็นต้นแบบในการพัฒนาของพระองค์ท่านในยุคนั้น ประมาณปี 2505

พล.ต.อ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ปี 2515 พ.ต.อ.สมควร หริกุล ผู้นำลูกเสือชาวบ้าน ได้เสนอตั้งลูกเสือชาวบ้าน ขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็น ผกก.ตำรวจตระเวนชายแดนเขต 4 จ.อุดรธานี ได้คิดค้นวิธีการทำให้ประชาชนมีความรักสามัคคีกัน และมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นพลเมืองดีมีระเบียบวินัย จึงใช้วิธีการลูกเสือแห่งชาติมาปรับใช้ในการอบรมประชาชน เป็นการต่อสู้ทางความคิด ไม่ใช้อาวุธ มีคำกล่าวปฏิญาณว่าข้าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ข้าจะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ และข้าจะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ เมื่อทดลองฝึกอบรมแล้วได้ผลดี ประกอบกับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงทราบว่าตำรวจตระเวนชายแดนมีการฝึกอบรมลูกเสือชาวบ้าน จึงเสด็จเยี่ยมเมื่อวันที่ 29พฤศจิกายน2514 ทอดพระเนตรการฝึกอบรม ที่บ้านทรายมูล อ.ธาตุพนม จ.นครพนม และทรงเห็นว่าลูกเสือชาวบ้านทำให้เกิดความรักใคร่กลมเกลียวกัน

Advertisement

“เมื่อฝึกอบรมลูกเสือชาวบ้านได้จำนวนหนึ่ง พ.ต.อ.สมควร จึงสรุปผลการฝึกอบรมเสนอต่อ พล.ต.ท.สุรพล จุลละพราหมณ์ ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ท่านได้ให้การสนับสนุนการฝึกอบรมลูกเสือชาวบ้านเป็นอย่างดี และมอบหมายให้ พล.ต.ต.เจริญฤทธิ์ จำรัสโรมรัน ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน รวบรวมข้อมูลการฝึกอบรมลูกเสือชาวบ้านโดยละเอียด พล.ต.ท.สุรพล จึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.เจริญฤทธิ์ นำเรื่องราวการฝึกอบรมลูกเสือชาวบ้านโดยละเอียดขึ้นกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงทราบ ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2515 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จทอดพระเนตรกิจกรรมลูกเสือชาวบ้าน พระราชทานเงินจำนวน 100,000 บาทเพื่อจัดทำห่วงรัดผ้าผูกคอ หน้าเสือ และทรงรับกิจการลูกเสือชาวบ้านในพระบรมราชานุเคราะห์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา” พล.ต.อ.สมศักดิ์ กล่าว

พล.ต.อ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องสำคัญอีกเรื่อง เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2526 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จแปรพระราชฐานไปที่วังไกลกังวล และได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรที่ห้วยทราย เป็นหมู่บ้านหนึ่งในอำเภอ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี พระองค์ท่านได้มีพระกระแสรับสั่งพื้นที่ในพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เดิมเป็นพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก แต่ต่อมามีความแห้งแล้งมากเนื่องจากฝนไม่ตกตามฤดูกาล ป่าไม้มีประชาชนเข้าไปบุกรุกทำลาย พระองค์ท่านจึงจัดตั้งศูนย์ศึกษาพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้นมา ตนได้รับพระมหากรุณาธิคุณย้ายจากภาคใต้มาเป็นผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นคนแรกเมื่อปี2516 และได้ถวายงานพระองค์ท่าน สำหรับในศูนย์พัฒนาห้วยทราย จะเน้นเรื่องเกษตรกรรม เน้นเรื่องการปลูกป่าและฟื้นฟูพื้นที่ให้อุดมสมบูรณ์ จากนั้นได้ให้ประชาชนเข้าไปอยู่อาศัย มีการประกอบอาชีพตามหลักวิชาการ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

นางอรุณศรี เฟื่องแก้ว
นางอรุณศรี เฟื่องแก้ว

ด้านนางอรุณศรี เฟื่องแก้ว บุตรสาวของ ร.ต.ต.เฉลิม เฟื่องแก้ว ที่เคยถวายงานเข็นเรือที่ประทับตอนเสด็จประพาส และเคยได้รับของพระราชทานจากพระหัตถ์ ในขณะรับราชการสมัยอธิบดีกรมตำรวจเป็น พล.ต.อ.หลวงอดุล อดุลเดชจรัส (ช่วงปี พ.ศ. 2492-2494) ถ่ายทอดเรื่องราวจากร.ต.ต.เฉลิม ว่า ฟังจากพ่อเล่าว่าเมื่อครั้งเป็นตำรวจพลร่ม มีโอกาสถวายงานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมัยนั้นยังเด็กทราบเพียงว่าพ่อเป็นทหารในวังปารุสกวัน เป็นทหารตามเสด็จเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเรือใบที่วังไกลกังวล หัวหิน คุณพ่อเป็นคนถวายงานเข็นเรือทุกครั้ง

Advertisement

นางอรุณศรี กล่าวต่อว่า ทุกครั้งที่พ่อได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมี จะต้องยืนตรงพร้อมวันทยหัตถ์ทุกครั้งไม่ว่าจะที่ไหนหรือเมื่อไร สอนให้จงรักภักดีต่อทุกพระองค์ พ่อสอนตนให้ใช้หลักพอเพียงในการดำเนินชีวิต พ่อรักพระองค์ถึงขั้นไม่สอบนายร้อยเพราะกลัวจะไม่ได้ถวายงานพระองค์ท่านเลยสละสิทธิ จนอายุ 50 ปีเศษ พ่อย้ายมาอยู่วังสวนอัมพร เป็นคนขับรถส่งอาหารเข้าวัง พอตนทราบข่าวว่าพระองค์ท่านสวรรคตพูดไม่ออกเสียใจมาก

นางกัลยา เจริญทำนุกิจ
นางกัลยา เจริญทำนุกิจ

ด้านนางกัลยา เจริญทำนุกิจ อายุ 56 ปี บุตรสาวคนที่สองของร.ต.ต.เฉลิม เล่าถึงความประทับใจว่า เมื่ออายุ 4-5 ขวบ ได้ตามพ่อไปทำงาน มีโอกาสกราบพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พ่อบอกว่าคือพ่อหลวงของประชาชนชาวไทย พระองค์ทรงเป็นคนดีต้องจงรักภักดีให้มาก จึงก้มลงกราบ ถือเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตที่ได้เข้ากราบพระองค์ท่าน พ่อทำงานจนกระทั่งเกษียณราชการ เป็นเวลากว่า 40 ปี พ่อรักพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาก สอนให้ลูกจงรักภักดีไม่ว่าจะได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมีที่ใดพ่อจะยืนตรงพร้อมวันทยาหัตถ์ทุกครั้ง สอนเสมอมาว่าพระองค์ท่านทำให้เราอยู่ดีกินดีทุกวันนี้

“ความรู้สึกหลังจากทราบการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสมือนหัวใจจะหลุดออก ไม่อยากจะเชื่อ อยากให้เป็นความฝันไม่อยากให้เป็นจริง สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือยึดตามหลักคำสอนของพระองค์ท่านในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง” นางกัลยากล่าวทั้งน้ำตา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image