IMF ปรับลดคาดการณ์ ศก.โลกปีนี้โตลดลงที่ 2.8% ‘เมืองเบียร์-ผู้ดี’ ชะลอตัว
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกลงอยู่ที่ 2.8% ในปีนี้ และ 3% ในปีหน้า ซึ่งลดลง 0.1% จากตัวเลขการคาดการณ์ในเดือนมกราคม
ปัจจัยที่ทำให้มีการปรับลดตัวเลขการเติบโตมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ความตึงเครียดทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น และเสถียรภาพทางการเงินที่อยู่นอกเหนือการคาดการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด ขณะที่ผลกระทบจากสงครามยูเครนยังคงบั่นทอนการเติบโตและผลักดันราคาผู้บริโภคให้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ
รายงานภาพรวมเศรษฐกิจโลกของไอเอ็มเอฟดูค่อนข้างมืดมน โดยมีการคาดการณ์ว่าการเติบโตทั่วโลกทั้งในระยะสั้นและระยะกลางจะชะลอตัวลง เกือบ 90% ของประเทศพัฒนาแล้ว การเติบโตของเศรษฐกิจจะชะลอตัวในปีนี้
ขณะที่ตลาดเกิดใหม่ในเอเชียจะมีผลผลิตทางเศรษฐกิจเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยอินเดียและจีนจะมีสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของการเติบโตทั้งหมด
ประเทศที่มีรายได้น้อยคาดว่าจะได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มสูงขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูง ขณะที่อุปสงค์ของการส่งออกจะลดลง ซึ่งจะทำให้ปัญหาความยากจนและหิวโหยเลวร้ายลงไปอีก
ขณะที่เงินเฟ้อทั่วโลกจะชะลอตัวลงเหลือ 7% ในปีนี้ จาก 8.7% ในปีที่ผ่านมา แต่คาดว่าจะลดลงเหลือ 4.9% ในปีหน้า
คาดว่าสหรัฐ ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะเติบโต 1.6% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย โดยเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ในเส้นทางของการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากโควิด-19 และสงครามของรัสเซียในยูเครน
สำหรับเศรษฐกิจในยูโรโซนคาดว่าจะขยายตัว 0.8% ในปีนี้ และ 1.4% ในปีหน้า นำโดยสเปนที่เติบโต 1.5% ในปีนี้ และ 2% ในปีหน้า แต่เยอรมนี ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยูโร คาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัว 0.1% ในปีนี้ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับสหราชอาณาจักรที่เป็นประเทศเดียวในกลุ่ม จี7 ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566
ภาพรวมของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่เป็นบวกมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าจีนจะเติบโต 5.2% ในปีนี้ และจะชะลอตัวลงเหลือ 4.5% ในปี 2567 เพราะผลจากการเปิดเมืองหลังยกเลิกนโยบายคุมเข้มโควิด-19 จะจางหายไป
เศรษฐกิจอินเดียถูกปรับลดการคาดการณ์การเติบโตลงจากเดือนมกราคม แต่ก็ยังจะขยายตัว 5.9% ในปีนี้ และ 6.3% ในปี 2567
ขณะที่เศรษฐกิจรัสเซียคาดว่าจะเติบโต 0.7% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 0.3% ในการคาดการณ์เมื่อเดือนมกราคม โดยไอเอ็มเอฟระบุว่ารัสเซียมีแหล่งรายได้ที่แข็งแกร่งมาก จากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นในปีที่แล้ว และในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้