นายกฯเปิดอบรม’ป.ย.ป.’ บอกไม่ย่อมาจาก’ประยุทธ์อยู่ต่อไป’ เพราะยิ่งอยู่ยิ่งทรมาน(คลิป)

นายกฯเปิดอบรมหลักสูตร ป.ย.ป. เน้นระดมความคิดเห็น ให้ข้อเสนอแนะขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานตามนโยบาย ชี้ต้องได้รับความร่วมมือทุกภาคส่วน ปล่อยมุข “ป.ย.ป.” ไม่ใช่ “ประยุทธ์อยู่ต่อไป” บอกยิ่งอยู่ยิ่งทรมาน ย้ำต้องพูดเพราะไม่อยากให้ใครบิดเบือน ให้ร้ายตลอด ไม่ใช่รัฐล้มเหลว

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 มีนาคม ที่เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดอบรมหลักสูตรการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (หลักสูตร ป.ย.ป.) โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วม ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ร่วมกับสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้น โดยมุ่งเน้นกิจกรรมการระดมความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะเพื่อการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาอุปสรรคของการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญต่างๆ ของรัฐบาลโดยจัดทำหลักสูตร 3 หลักสูตร ประกอบด้วยหลักสูตรการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ (ป.ย.ป.1) (สำหรับปลัดกระทรวงและอธิบดี) หลักสูตรการสร้างผู้นำแห่งการบริหารการเปลี่ยนแปลง ซึ่งแบ่งเป็นหลักสูตรการสร้างผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง สำหรับรองอธิบดี (ป.ย.ป.2/1) และหลักสูตรการสร้างผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง (สำหรับรองผู้ว่าราชการจังหวัด) (ป.ย.ป.2/2) เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าใจต่อบริบทใหม่ ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ตามกรอบของ ป.ย.ป. และเพื่อปรับกระบวนการทางความคิด สร้างแรงบันดาลใจ และศักยภาพความเป็นผู้นำ ตลอดจนสร้างวัฒนธรรมการทำงานแบบบูรณาการ ร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ในการขับเคลื่อนประเด็นสำคัญๆ ตามยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของรัฐบาล เพื่อพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า เข้าใจดีว่าทุกคนมีภาระหน้าที่ แต่ทุกคนมีหน้าที่ต้องทำงานเพื่อประเทศซึ่งต้องสำคัญกว่าอย่างอื่น ถ้าเรายังเป็นข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ จะต้องทำงานเพื่อส่วนรวม และประเทศชาติต้องมาก่อนเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือมีปัญหาอะไรก็ตามต้องฟันฝ่าอุปสรรค เพื่อประชาชนและประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนยึดมั่นมาโดยตลอด จึงจำเป็นต้องหลุดพ้นจากการเป็นตัวเอง ในช่วงการทำงาน “ผมเองจำเป็นต้องมายืนอยู่ตรงนี้ และต้องพูดเรื่องนี้ ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างมันเลวร้าย หรือไม่ดีจนแก้ไขไม่ได้ ไม่ใช่รัฐล้มเหลว หรือข้าราชการไม่ดี แต่ที่ผมต้องมายืนตรงนี้เพราะผมเป็นอดีตข้าราชการเก่า ผมยอมไม่ได้ที่ประชาชนไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ และให้ร้ายเราตลอดเวลา สาเหตุมาจากการบิดเบือนต่างๆ จึงต้องมาพูดคุยเพื่อให้เห็นว่าเรามีการปฏิรูปตัวเอง ระหว่างที่เรากำลังปฏิรูปประเทศ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องปฏิรูปตัวเอง และตลอดไป ไม่ใช่แค่ทำช่วงใดช่วงหนึ่ง”

 

 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หลักสูตร ป.ย.ป. ตนคิดมาทุกวันตั้งแต่ปี 2557 เดินหน้ามาตลอด วันนี้ปัญหาของประเทศคือ ถ้าไม่เข้าใจกัน มองไม่เห็นปัญหาร่วมกัน หรือเห็นทางแก้ปัญหาที่ตรงกันไม่มีทางที่จะสำเร็จในทุกๆ เรื่อง และไม่ได้หมายความว่า สิ่งที่ตนพูดจะถูกทั้งหมด “หลักสูตร ป.ย.ป.ครอบคลุมปัญหาทุกเรื่องของประเทศ ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะต้องได้รับการแก้ไข โดยได้รับความร่วมมือจากทุกส่วน ไม่ใช่ผม คสช. แต่คนทั้งประเทศต้องช่วยกัน การใช้กฎหมาย มาตรา 44 มาตรา 88 ก็แก้อะไรไม่ได้ ถ้าทุกคนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบราชการ ไม่สุจริตโปร่งใส ทุกอย่างก็จะพันกันไปหมด และผมไม่ได้คาดหวังว่าจะต้อง ป.ย.ป.ตลอดไป หลายคนไปเปลี่ยนชื่อจากการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง เป็นประยุทธ์อยู่ต่อไปนานๆ ถ้าคิดแบบนี้ก็ต้องเลิก สงสัยว่าคิดได้อย่างไร ถ้าทุกคนมาอยู่แบบผมก็จะรู้ว่า การอยู่ต่อไปมันทรมานจริงๆ แต่ไม่เป็นไร เพราะผมมีผู้นำทุกองค์กรอยู่เคียงข้าง แค่นี้ก็พอแล้ว ขอว่าทุกคนจะต้องเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงประเทศ ถ้าไม่ทำวันนี้ประเทศไทยจะสับสนอลหม่าน”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หลายคนมองว่าประเทศไทยเดินหน้าไม่ได้ หรือปล่อยให้อยู่กันเฉยๆ ก็ดีแล้ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะปัจจุบันปัญหามีมากมาย สิ่งที่ยากที่สุดคือการบริหารให้คนทั้ง 70 ล้านคนมีความสุข พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งไว้ว่า การบริหารงานต้องเข้าให้ถึงปัญหา เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ต้องมีหลักการ หลักคิด ไม่ใช่แค่คิดเป็น วันนี้สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดคือ โซเชียลมีเดีย ซึ่งมีทั้งข้อดีและไม่ดี และการที่คนหันมาเสพโซเชียลมีเดียมากขึ้นและอ่านหนังสือพิมพ์ลดลง จนบางฉบับเริ่มขาดทุน เนื่องจากอ่านหนังสือพิมพ์แล้วตอบโต้ไม่ได้ แต่ในโซเชียลมีเดียสามารถตอบโต้และแสดงความคิดเห็นได้ แต่บางทีก็เกินเลย ทำให้ทุกอย่างเกิดความสับสน เพราะคนไทยยังขาดหลักคิดที่ถูกต้องในการที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เตือนให้ใจเย็นๆ แต่ตนเป็นคนเสียงดัง ยืนยันว่าไม่ได้บ้า โมโหทุกวัน ถ้าเป็นอย่างนั้นก็บ้าแล้ว แต่ก็อยากถามว่าการเป็นผู้นำจะโมโหอารมณ์เสียไม่ได้เลยหรือ เพราะก็เป็นมนุษย์ ที่สำคัญตนทำงานในหน้าที่ เป็นธรรมดาที่จะต้องมีอารมณ์บ้าง ไม่เช่นนั้นต้องไปบวชพระ โมโหใครไม่ได้ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ทุกคนเจอตนเองมา 2 ปีกว่าแล้ว หวังว่าจะไม่รำคาญกันเกินไป

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image