เปิดใจ 3 สาว ‘เดอะว้าว’ กับความโด่งดัง และแวดวงแฟชั่นเมืองลาว

ไม่ใช่โด่งดังแค่ในลาว แต่ ‘เดอะว้าวลาว’ เรียลลิตี้ค้นหานางแบบมืออาชีพทางช่องลาวสตาร์ ที่ประเดิมซีซั่นแรกเมื่อปีที่ผ่านมานั้นถูกพูดถึงมากในเมืองไทย เพราะนอกจากรูปแบบที่ให้ผู้เข้าแข่งขัน 12 คนเลือกเข้าทีมของ ‘แองเจิล’ ผู้ปลุกปั้น แล้วสู้กันในแต่ละแคมเปญจะสนุกสนาน ดราม่าในรายการยังน่าติดตามประหนึ่งดูรายการ ‘เดอะเฟซ ไทยแลนด์’ เลยทีเดียว

“คนรู้จักเยอะขึ้นนะคะ คนติดตามหลายขึ้นเยอะเลย เวลาเราไปไหนคนจะทักทายว่านั่น ปูเป้ เดอะว้าว เราก็จะดีใจมากที่มีคนติดตามทั้งคนลาวและคนไทย”สาววัย 21 ปี ผู้ชนะเลิศเดอะว้าวลาวบอกถึงกระแส

ก่อนเล่าย้อนว่า “รายการนี้ยากพอสมควรเลยนะคะ”  เพราะไม่เพียงแค่การเดินแบบ ถ่ายแบบ แต่ต้องฝึกฝนทักษะอื่นๆ ไม่ว่าจะพิธีกร การแสดง ฯลฯ ทว่าก็ถือเป็นข้อดีที่ทำให้ได้พัฒนาตนเอง เพื่อพร้อมรับคลื่นลูกใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน

“เราถือว่าได้ผ่านมาในจุดๆหนึ่ง แต่ว่าพอได้มาอยู่ในการทำงานในวงการนางแบบของลาวจริงๆ เจอผู้คนที่มีประสบการณ์มากกว่า เราก็ถือโอกาสเก็บเกี่ยวมาฝึกฝนทบทวนตัวเอง การที่เราจะอยู่ในวงการนี้ได้ต้องมีการพัฒนาตัวเอง จะมัวแต่มาย่ำอยู่ในแต่จุดเก่าๆไม่ได้  เพราะว่าวงการบันเทิงมีคนรุ่นใหม่ๆ เข้ามาตลอดเวลา อย่างเดอะว้าวลาวเดี๋ยวก็จะมีซีซั่น 2 มา แล้วก็จะมีนางแบบรุ่นใหม่มาอีก”

Advertisement

นั่นเพราะปูเป้ย้ำ “วงการบันเทิงนี้เป็นสิ่งที่เรารักและเป็นความใฝ่ฝัน เมื่อมาอยู่แล้วก็อยากทำให้ดีที่สุด เพราะกว่าจะได้มาเป็นเดอะว้าวก็ไม่ได้จะมาเป็นกันง่ายๆ”

โดยหลังได้ตำแหน่งเธอต้องปรับตัวหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องภาพลักษณ์ที่ต้องให้ดีงามเหมาะสม

ปูเป้ – ลัดดาวัน ขุนทะวง

“เรื่องของความเซ็กซี่ที่ลาวจะได้ในระดับหนึ่ง ถ้าสมมุติว่าสั้นเกินไปหรือว่าโป๊เกินไปก็อาจจะปล่อยสู่มวลชนไม่ได้ เพราะว่าทางลาวจะเคร่งครัดเรื่องนี้มาก ฉะนั้นเวลาที่เราจะทำอะไรเราก็ต้องคิดให้รอบคอบก่อนว่า ถ้าถ่ายไปแล้วมันผ่านเรื่องวัฒนธรรมไหม ถ้ามันโป๊ก็จะไม่ได้ออกทั้งนิตยสาร หรือว่าโทรทัศน์”

Advertisement

ถึงอย่างนั้น “ก็เป็นเรื่องดี เราก็สามารถทำงานได้ในกฎเกณฑ์ที่พอดีพองาม”

“เดี๋ยวนี้วงการบันเทิงลาวก็ถือว่าก้าวมาไกล บ้านเรากำลังจะเปิดกว้าง เราก็พร้อมที่จะพัฒนาไปพร้อมกับอาเซียน แข่งกับประเทศในหลายๆประเทศ พยายามจะทำให้ประเทศของเราไม่น้อยหน้าตอนนี้งานเดินแบบก็มีมากมายขึ้น มีการแข่งขันกันมากขึ้น เราก็รับงานได้มากขึ้นก็ต้องทำงานให้ดีๆ” ปูเป้เล่า

โดย “เราก็ทำงานของเราให้เต็มที่อยู่ในจุดของเรานี่แหละ”

“ถ้าสมมุติผู้ใหญ่ใจดีให้โอกาสเราต่อๆไป เราก็อยากทำ มีงานอะไรเราก็ยินดีที่จะพัฒนาตัวเอง แล้วก็พร้อมที่จะรับงานตรงนั้นทำงานออกมาให้ดีที่สุด เพราะว่าทุกงานที่เขาให้เราทำเขาก็เชื่อแล้วว่าเราทำได้ เราก็จะไม่ทำให้เขาผิดหวัง”

ส่วนสาวที่ไม่ได้เป็นผู้ชนะ แต่โดดเด่นจนใครๆ พูดถึงก็ต้อง ตุ๊ก – มาลาวอน สิงทองปะดิด วัย 28 ที่ออกตัวว่าเป็นคนขี้อายมาตั้งแต่เด็ก แต่ขณะเดียวกันก็ชอบเดินแบบมาก

“ชอบเดินแบบมาตั้งแต่เด็กๆ พอโตมามีโอกาสเราได้เดินตามในสิ่งที่เราชอบ แต่จะมาทำเป็นงานประจำคงไม่ได้เพราะว่าเราก็มีงานประจำ เป็นงานราชการที่เรารัก” ตุ๊กบอก

ตุ๊ก – มาลาวอน สิงทองปะดิด

และแม้จะทำเป็นงานเสริม แต่เธอก็ผ่านทั้งละคร ละครเวที เต้น ฯลฯ ที่ได้เงินบ้าง ไม่ได้เงินบ้างไม่ใช่เรื่องสำคัญ ส่วนการประกวดเดินแบบนั้นเคยตกรอบมาครั้งหนึ่ง ครั้งนี้จึงไม่คาดหวังใดๆ

“พอออดิชั่นติดตอนนั้นเราก็ดีใจนะคะ เข้าไปแข่งในรายการมีอะไรมาใช้ได้ เราก็งัดมาใช้หมดเลย ตอนแข่งเราก็จริงจัง แล้วแต่ละคนก็จริงจัง เราก็คิดว่าเอาวะ หมู่ก็หมู่ เพื่อนก็เพื่อน เวลาแข่งก็ไม่ได้ยอมกันนะ ได้ไม่ได้ก็ทำไปตามนั้น”

ตุ๊กจึงยืนยัน “การแข่งขันมันไม่มีสคริปต์ มันคือความรู้สึกแท้ๆ เลย”

ทว่า “ถามว่าหลังจากนี้จะเดินแบบเป็นอาชีพเลยได้ไหม มันค่อนข้างยากค่ะ เพราะว่าเราทำงานราชการก็รับเฉพาะเวลานอก อีกอย่างส่วนสูงเราไม่ค่อยเยอะ 160 กว่าๆ  ถือว่าเตี้ยในวงการของนางแบบอาชีพ แต่ว่าก็ยังมีคนที่เห็นความสามารถ ก็ให้โอกาสเราได้เดิน”

“งานวงการบันเทิงเรารักเนอะ ก็ทำด้วยใจ ทำมาตลอดและจะพยายามทำไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะไม่มีแรงทำงาน”

“ตอนนี้ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จแล้ว”

ขณะที่ ‘แองเจิล’ ผู้คอยปลุกปั้นอย่าง เบล-มะยุลี จันทะลังสี นางงามผู้ผันตัวเป็นนางแบบ บอกเลยว่าถ้าผู้ใหญ่ให้โอกาสก็อาจได้เห็นเธอในซีซั่น 2

“เราก็ติดใจนะคะ เพราะว่า ‘เดอะว้าวลาว’ พลิกวงการบันเทิงบ้านเราเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแฟชั่นและวัฒนธรรม หรือการประยุกต์ใช้ทั้งผ้าไหมลาว และดีไซน์เนอร์คนลาว ที่จะร่วมงานกับดีไซเนอร์สากล”เธอบอก

ซึ่งในฐานะคนคลุกคลีวงการนี้ยอมรับว่า แวดวงแฟชั่นเมืองลาวเปลี่ยนแปลงไปมาก

เบล-มะยุลี จันทะลังสี

“การทำงานของวงการนางแบบในบ้านเราจะเป็นแบบเรียบง่ายเพราะว่าหลักๆ ก็คือการเดินแฟชั่นโชว์ หรือว่าการเปิดงานอะไรต่างๆ ตอนแรกก็จะอยู่ในบ้านเรา แต่หลายปีมานี้จะรู้สึกว่าแฟชั่นบ้านเราก้าวกระโดดไปมากขึ้น ส่วนมากก็จะจับอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน”

“ส่วนการใช้ชีวิตของนางแบบของลาวก็มีความเรียบง่าย สบายๆ และคิดว่านางแบบหลายๆ ประเทศน่าจะเหมือนกัน เพราะว่านางแบบเป็นเพียงหุ่นที่ช่างแต่งหน้าแต่งให้โอเค ให้นุ่งชุดอะไรเราก็นุ่งหมด เพื่อนำเสนอมันออกมาตามที่เขาต้องการ แล้วก็ทำให้มันโอเค”

“ที่สำคัญนางแบบทั้งหมดจะต้องมีวินัย และเรียนรู้การทำงานได้กับคนหลายคน เพราะประเทศเรายังไม่มีที่เป็นโมเดลลิ่งหรือว่าโรงเรียนสอนนางแบบโดยเฉพาะ ส่วนมากการเรียนรู้ของวงการเรา คือรุ่นพี่สอนรุ่นน้อง แล้วก็การแชร์ประสบการณ์แฟชั่นระหว่างประเทศนั้นประเทศนี้  เขามาในบ้านเรา เราก็เรียนรู้การทำงานกับเขา อะไรที่ทำแล้วสามารถพัฒนาและขยายในวงการนางแบบของเราได้ เราก็รับมา”

การจะก้าวมาทำอาชีพนี้ หรือปั้นนางแบบสักคนจึงไม่ใช่เรื่องง่ายต้องอาศัยทั้งพรสวรรค์และใจรักไปพร้อมๆ กัน

“แต่ว่าหลักๆ ก็คือความตั้งใจของคน เพราะถ้าเราตั้งใจแล้วนะคะ ผลออกมามันก็จะดี” เบลย้ำ

และว่า “เดอะว้าวลาว ซีซั่น 1 หลายคนก็บอกว่าทำไมผู้เข้าแข่งขันคนนี้หุ่นดี หน้าตาดี ทำไมไม่ได้ แต่จริงๆ เราเป็นคนที่เลือกพิถีพิถันมาก เราไม่ได้เลือกทุกคนที่สวย เราจะดูความมั่นใจ ความตั้งใจที่แสดงออกมาทางสายตา คนเราจะงามจะดี มันแค่รูปลักษณ์ภายนอกแต่ว่าถ้าหากว่าเรามีความมั่นใจ มีความตั้งใจ ความงามของเจ้าจะสามารถพุ่งออกมาได้เลย”

“เจ้าก็จะงามในแบบของเจ้า โดยไม่ต้องงามในแบบของคนอื่นเลย”

งามตามคอนเซ็ปต์ของ’เดอะว้าวลาว’

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image