เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวนดีเอสไอจับกุมตัว 2 ผู้ต้องหา ในคดีฮั้วประมูลงานโครงการต่างๆของรัฐ ผ่านระบบหรือ อี-บิดดิ้ง ของกรมบัญชีกลาง ที่จ.ยโสธร เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่า การจับกุมตัวผู้ต้องหาในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2559 พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในขณะนั้น ได้สั่งการให้ดีเอสไอสืบสวนเบาะแสการนำข้อมูลการประมูลของกรมบัญชีการมาขายให้กับผู้รับเหมา ดังนั้น ดีเอสไอจึงได้มีการตั้งชุดสืบสวนในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากได้รับหลักฐานคาดว่าจะมีการนำข้อมูลการประมูลด้วยวิธีดังกล่าว ออกมาเสนอขายให้กับกลุ่มบริษัท ที่เข้าประกวดราคาในแต่ละโครงการ
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวต่อว่า กระทั่งชุดสืบสวนทราบว่า ในวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่จ.ยโสธร จะมีการเปิดประกวดราคาในโครงหารก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำบ้านดอนขะยอม ต.สงเปลือย อ.คำ เขื่อนแก้ว และอื่นๆ ซึ่งได้รับรายงานว่าอาจมีการทุจริต จึงให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ก่อนจับกุมผู้ต้องหาได้ดังกล่าว ส่วนรายละเอียดอื่นๆนั้น ขอให้พนักงานสอบสวนที่ลงพื้นที่ไปปฏิบัติงานได้รายงานมาให้ตนทราบอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ได้สั่งการให้สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ดีเอสไอ ไปร่วมสอบสวนในคดีดังกล่าวแล้ว เพื่อขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องในขบวนการต่อไปคาดว่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง รวมถึงบริษัทที่ดำเนินการและเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดวางระบบ ซึ่งหลังจากการสอบปากคำแล้ว หากพบข้อมูลว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะเรียกมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ต้องหาที่ดีเอสไอสามารถจับกุมได้ในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ควบคุมตัวไปสอบปากคำยังค่ายทหาร ทั้งนี้ จะประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หากพบความผิดมูลฐานฟอกเงิน เพื่อใช้กฎหมายของปปง.ในการติดตามยึดอายัดทรัพย์สินของขบวนการดังกล่าวต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนได้รายงานด้วยวาจาให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธณะ รมว.ยุติธรรม ได้รับทราบทั้งหมดแล้ว
