เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ซึ่งถือเป็นวันสุนทรภู่ กวีเอกของไทยและบุคคลสำคัญของโลก
ผศ.ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ ม.รามคำแหง กล่าวถึงประเด็นวาทกรรมสุนทรภู่อาลักษณ์ขี้เมา ซึ่งมักกล่าวกันว่า สุนทรภู่เป็นอาลักษณ์ขี้เมาว่า ตนไม่เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นความจริง เนื่องจากไม่มีหลักฐานด้านประวัติศาสตร์รองรับ เป็นเพียงการอ้างถึงข้อความใน “นิราศภูเขาทอง” ที่ว่า
‘ไม่เมาเหล้าแต่เรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน’
“นี่ไม่ใช่หลักฐานที่จะฟันธงได้ว่าสุนทรภู่เป็นคนขี้เมา แต่หากถามว่าดื่มเหล้าหรือไม่ เป็นไปได้ว่าดื่ม แต่ไม่เชื่อว่าถึงขนาดขี้เมา ผลงานสุนทรภู่มีมหาศาล ถ้าท่านขี้เมา ถามหน่อยว่าจะเอาเวลาที่ไหนไปแต่ง” ผศ.ดร.รุ่งโรจน์กล่าว
สำหรับสาเหตุที่ทำให้คำว่า อาลักษณ์ขี้เมา ถูกถ่ายทอดต่อๆกันมา จนกลายเป็นความเชื่อไปแล้วนั้น เกิดจาก ข้อเขียนของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เรื่อง “ประวัติสุนทรภู่” ซึ่งอ้างข้อมูลจากโหรนิรนามรายหนึ่งเท่านั้น
ผศ.ดร.รุ่งโรจน์ ยังกล่าวอีกว่า สุนทรภู่เป็นกวีที่มีความรู้ประเภทหนอนหนังสือและเปิดใจเรียนรู้ทันโลก เป็นคนทันสมัย มีจินตนาการสูง ถ้าท่านเมาเช้าเมาเย็น พระอภัยมณีอาจไม่เป่าปี่ แต่เป็นคนขี้เมาก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้ตนเคยพูดตั้งแต่วันสุนทรภู่ปีที่แล้ว ปีนี้ก็ยังขอยืนยันเช่นเดิม ส่วนที่มีผู้นำ ‘โกวเล้ง’ มาเทียบว่าเป็นคนขี้เมา แต่มีผลงานมากมายนั้น มองว่าไม่สามารถเทียบกันได้ เนื่องจากเทคโนโลยีต่างยุคกัน
“โกวเล้งเกิดในยุคปลายศตวรรษที่ 20 หลังสุนทรภู่ประมาณ 150 ปี เทคโนโลยีการเขียนต่างกันมาก คิดดูว่าสุนทรภู่เกิดในยุคที่ยังใช้สมุดข่อย กว่าจะเขียนอะไรได้ต้องทดลงกระดานชนวนก่อนหรือไม่ แต่โกวเล้งไม่ได้เกิดในยุคที่ใช้พู่กันจีนแล้ว เทคโนโลยีการบันทึกต่างกัน การที่โกวเล้งขี้เมาแต่มีเวลาทำงานจำนวนมาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ประการใด” ผศ.ดร.รุ่งโรจน์สรุป