“กินข้าว” ผิดตรงไหน!?
จากคำถามข้างต้นเป็นที่มาให้ สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย จัดโครงการประกวดคลิปสั้นขึ้นในหัวข้อ “อ้วนไม่อ้วนไม่เกี่ยวกับข้าว” เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริโภคข้าว พร้อมมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวด โดยทีมชนะเลิศระดับนักเรียน/นักศึกษา ได้แก่ ทีมพีเอสซี สตูดิโอ กับผลงาน “อย่าบอกเลิกข้าว” ส่วนทีมชนะเลิศระดับบุคคลทั่วไป ได้แก่ ทีมช่างภาพเทคนิคกรุงเทพ กับผลงาน “หนูไม่จ่าย เขาถ่ายหนูอ้วน” ที่โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส กรุงเทพฯ
โสพรรณ มานะธัญญา นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า กระแสสังคมของคนไทยหันมาดูแลสุขภาพมาก ทั้งออกกำลังกาย รับประทานอาหาร และพยายามลดน้ำหนัก ซึ่งก็เป็นความเข้าใจผิดว่า “ข้าวทำให้อ้วน” ทั้งนี้ จากการศึกษาตารางโภชนาการเปรียบเทียบแคลอรีจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยว่า อาหารแต่ละชนิดที่ปริมาณ 100 กรัมเท่ากัน ข้าวให้พลังงาน 133 กิโลแคลอรี ในขณะที่อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตแบบเดียวกัน เช่น ขนมปัง ให้พลังงาน 267 แคลอรี, เส้นหมี่กึ่งสำเร็จรูป ให้พลังงาน 400 แคลอรี, ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ให้พลังงาน 160 แคลอรี ซึ่งล้วนให้พลังงานสูงกว่าการกินข้าวทั้งสิ้น
“ดังนั้น อ้วนไม่อ้วนไม่ใช่สาเหตุหลักจากข้าว แต่สาเหตุที่ทำให้อ้วนเป็นเพราะการใช้พลังงานน้อยกว่าสิ่งที่กินเข้าไป” โสพรรณกล่าว
ที่น่าสนใจคือ สถิติการกินข้าวของคนไทยที่ผ่านมา 20-30 ปี กินข้าวคนละ 180 กิโลกรัม/คน/ปี แต่ปัจจุบันจากการสำรวจมีสถิติคนไทยกินข้าวลดลง 90 กิโลกรัม/คน/ปี แต่สถิติของกรมอนามัย 25 ปีผ่านมาคนไทยเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นทุกปี ปีละ 15 เปอร์เซ็นต์
จากสถิติข้างต้นประมวลได้ว่า สาเหตุที่คนไทยเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นก็ไม่น่าจะเกี่่ยวกับข้าว เพราะคนเรากินข้าวน้อยลงทุกปีๆ แต่เป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นทุกปีๆ
แล้วคนไทยกินอะไรกันแน่ถึงอ้วน?
หมอเอ้ก-นพ.คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ กล่าวว่า การที่คนเราอ้วนนั้น ข้าวไม่ได้เป็นสาเหตุเสียทีเดียว เพราะจริงๆ แล้ว คนเราจะอ้วนหรือไม่อ้วนอยู่ที่ปริมาณแคลอรีที่กินเข้าไปในแต่ละวัน แต่ที่คนไทยกินข้าวเป็นอาหารหลัก เมื่อต้องการลดน้ำหนัก ต้องลดคาร์โบไฮเดรต ซึ่งก็ต้องลดข้าว ซึ่งจริงๆ แล้ว การที่คนเราจะอ้วนมันไม่ได้ตรงไปตรงมาแบบนั้น
“แต่อยู่ที่เราควบคุมแคลอรีในแต่ละวันอย่างไร”
ซึ่งถึงแม้เราจะไม่กินข้าว แต่ถ้าไปกินอย่างอื่นแล้ว และไม่ควบคุมแคลอรี สุดท้ายก็ยังอ้วนอยู่ดี!!
นพ.คณวัฒน์แนะนำคนที่อยากลดน้ำหนักว่า สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือ แคลอรีที่กินเข้าไป ซึ่งปัจจุบันมีข้อมูลมากมายในอินเตอร์เน็ตให้เราเช็กได้ว่าอาหารที่เรากินแต่ละชนิดมีแคลอรีเท่าไหร่
“การนับแคลอรีมีหลักง่ายๆ 3 ข้อคือ 1.ดูกิจกรรมที่เราทำ ว่าเราเป็นคนมีไลฟ์สไตล์แบบไหน เป็นพวกชอบอยู่เฉยๆ หรือเคลื่อนไหวตลอดเวลา เพื่อจะได้รับประทานอาหารให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ 2.ดูอายุ ยิ่งอายุมากกว่าเผาผลาญก็จะยิ่งลดลง 3.ดูว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง โดยผู้ชายจะมีอัตราการเผาผลาญ 2,000-3,000 แคลอรีต่อวัน ขณะที่ผู้หญิง 1,500 แคลอรีต่อวัน ถ้าผู้หญิงจะลดน้ำหนัก ควรกินอาหารไม่ต่ำกว่า 1,200-1,300 แคลอรีต่อวัน เพราถ้าต่ำกว่านี้ รับประทานอาหารไม่เพียงพอจะกระทบกับระบบร่างกาย”
“กระบวนการควบคุมอาหารที่ถูกต้อง คือ ค่อยๆ ลด อย่าลดแบบฮวบฮาบ ควรเฉลี่ยน้ำหนักลด 0.5 กิโลกรัมต่อ 2 อาทิตย์ เพราะถ้าลดฮวบฮาบร่างกายจะปรับตัวไม่ทัน โดยสารอาหารที่กินเข้าไปให้มีปริมาณคาร์โบไฮเดรต 50 เปอร์เซ็นต์ ไขมัน 30 เปอร์เซ็นต์ และโปรตีน 20 เปอร์เซ็นต์” นพ.คณวัฒน์กล่าว
ปิดท้าย พิมพ์อร โมกขะสมิต หรือ มัดหมี่ ซี ยู ฟิตเกิร์ล บอกว่า ตัวเองเป็นคนที่กินข้าวครบทั้ง 3 มื้อ เพราะข้าวทำให้เรารู้สึกอิ่มนานและไม่อยากกินจุบจิบ
“การทานอาหารมีผลต่อการออกกำลังกาย แต่ละคนใช้พลังงานต่างกัน และอาหารแต่ละชนิดให้แคลอรีเหมือนกัน ดังนั้น ก็ต้องรู้จักเลือกรับประทาน ไม่กินอะไรมากเกินไปหรือน้อยเกินไป แต่ให้เดินทางสายกลาง ส่วนการออกกำลังกาย สำหรับคนที่ไม่มีเวลา ก็ให้พยายามขยับตัวเยอะๆ ใน 1 วัน ใช้ชีวิตให้แอ๊กทีฟ ไม่ว่าจะเป็นเดินขึ้น-ลงบันได พยายามทำสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดและใกล้ตัวที่สุด ส่วนคนที่ไม่ได้เข้าฟิตเนส แต่อยากออกกำลังกาย ทุกวันนี้มีคลิปออกกำลังกายที่เผยแพร่ในยูทูบและโซเชียลมากมาย เราก็สามารถเล่นตามได้ง่ายๆ ที่บ้าน สำคัญที่สุดคืออย่ามีข้ออ้างเท่านั้นเอง” พิมพ์อรกล่าว
ที่สุดแล้ว อ้วนไม่อ้วนคงไม่เกี่ยวกับข้าว แต่คงอยู่ที่ตัวของเราเอง กลัวอ้วนไม่กินข้าว แต่ไปกินของหวาน ไอศกรีม บิงซู ของทอด ของมัน ก็คงต้อง “อ้วน” กันต่อไป…
