‘บุญทรง-ภูมิ’ ลั่น 25 ส.ค.ไปฟังคำพิพากษาคดีข้าวจีทูจีแน่ จัดกระเป๋าไปด้วย หลังเข้าไต่สวนขอศาลปค.คุ้มครองปมถูกอายัดทรัพย์

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 สิงหาคม 2560 ที่ศาลปกครอง ถนนเเจ้งวัฒนะ ศาลปกครองกลางนัดไต่สวนคำร้องขอทุเลาบังคับคำสั่งทางปกครองในคดีที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีต ผอ.สำนักการค้าข่าวต่างประเทศ ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกับพวก รวม 4 ราย เป็นผู้ถูกฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง ขอให้ยกเลิกคำสั่งชดใช้ค่าเสียหายในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) รวมมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท โดยของนายบุญทรง 1,770 ล้านบาท และของนายภูมิ 2,300 ล้านบาท

พร้อมร้องขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวทุเลาการบังคับใช้คำสั่งกระทรวงพาณิชย์ที่ให้นายบุญทรง นายภูมิ นายมนัส นายทิฆัมพร และนายอัครพงศ์ ชดใช้ค่าเสียหายในการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) รวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท

โดยในวันนี้ศาลนัดไต่สวนเพื่อพิจารณาคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งอายัดทรัพย์สินเป็นครั้งที่ 3 เเล้ว โดยศาลเคยยกคำร้องของนายภูมิเเละนายบุญทรงก่อนหน้านี้ไป 2 ครั้ง ครั้งเเรกเนื่องจากเห็นว่ายังไม่มีมาตรการบังคับทางปกครองที่มีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของนายบุญทรง นายภูมิ และผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 ราย นำไปขายทอดตลาดเพื่อนำไปชำระค่าเสียหายแต่อย่างใด เเละครั้งที่ 2 นั้นมีรายงานว่าที่ศาลยกคำร้อง เนื่องจากพบเงินที่ถูกอายัดในบัญชีธนาคารมีจำนวนไม่มากที่จะทำให้นายบุญทรงได้รับผลกระทบมีความเดือดร้อน จึงยังฟังไม่ได้ว่าคำสั่งดังกล่าวน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ต่อมานายบุญทรง นายภูมิ กับพวกรวม 5 ราย จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวอีกครั้ง ภายหลังกรมบังคับคดีดำเนินการอายัดทรัพย์สินบางส่วนไปแล้ว

Advertisement

โดยนายบุญทรงให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่า หลังจากศาลปกครองกลางยกคำร้องตนกับพวกไปในครั้งแรก เเต่ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า กรมบังคับคดีดำเนินการอายัดบัญชีเงินฝากของภรรยาตน 1 บัญชี และล่าสุดเพิ่มเติมอีก 8 บัญชี รวม 9 บัญชี ทั้งที่ศาลฎีกาฯยังไม่มีคำพิพากษาในคดีระบายข้าวแบบจีทูจีออกมา ดังนั้น การกระทำดังกล่าวไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย จึงยื่นขอให้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวอีกครั้ง โดยวันนี้เป็นการไต่สวนครั้งสุดท้าย ก่อนที่ศาลปกครองกลางพิจารณาว่าจะมีคำสั่งออกมาหรือไม่

เมื่อถามว่า ในวันที่ 25 สิงหาคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำพิพากษาคดีระบายข้าวจีทูจี จะไปหรือไม่ นายบุญทรงกล่าวสั้นๆ ว่า ไม่อยากให้รายละเอียดมากนัก แต่ยืนยันว่าไปศาลแน่นอน

ส่วนนายภูมิกล่าวว่า สาเหตุที่ต้องมายื่นขอให้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวนั้น เนื่องจากมีหลายบัญชีที่ถูกอายัด รวมถึงบัญชีสำคัญที่มีเงินจำนวนมากด้วย เนื่องจากเป็นเงินที่กู้ยืมมาจากบุคคลอื่นที่นำไปใช้ในการประกันตัวในคดีระบายข้าวจีทูจีที่ศาลฎีกาฯ หากเงินจำนวนนี้ถูกอายัดไป อาจไม่มีเงินประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ของศาลฎีกาฯ รวมถึงภาระการชดใช้หนี้คืนด้วย ส่วนในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ที่ศาลฎีกาฯนัดฟังคำพิพากษาคดีระบายข้าวจีทูจี ตนเตรียมพร้อมที่จะเดินทางไปศาลเเละจะถือกระเป๋าไปด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญทรง นายภูมิ นายมนัส นายทิฆัมพร และนายอัครพงศ์ รวมถึงบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และเครือข่าย รวมถึงเอกชนรายอื่นๆ รวม 28 ราย เป็นจำเลยในคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 4, 9, 10 และ 12 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 4, 123 และ 123/1 โดยศาลฎีกาฯนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 25 สิงหาคม 2560 พร้อมกับคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีโครงการรับจำนำข้าวที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image