เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่นรายงานผลการนับคะแนนเสียงเบื้องต้นของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นที่มีขึ้นเมื่อวันก่อนหน้าที่ยังนับคะแนนไม่แล้วเสร็จ ชี้ว่า นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กำลังนำพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ไปได้อย่างเด็ดขาด โดยกำลังจะได้ที่นั่งในสภาอย่างน้อย 312 ที่นั่ง จากทั้งสิ้น 465 ที่นั่ง ส่วนพรรคแห่งความหวังของนางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียว จะได้ 49 ที่นั่ง และพรรครัฐธรรมนูญประชาธิปไตยได้ 54 ที่นั่ง
ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงจะทำให้นายอาเบะครองเสียงข้างมากในสภา 2 ใน 3 ที่จะส่งผลให้นายอาเบะสามารถเดินหน้านโยบายที่ตนเองตั้งเป้าหมายไว้ได้อย่างราบรื่น ซึ่งรวมถึงการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรักสงบเพื่อมุ่งส่งเสริมอำนาจทางทหารของญี่ปุ่นให้มีมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังจะทำให้นายอาเบะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของญี่ปุ่นนับจากหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย
ข่างแจ้งว่า หลังจากที่มีเอ็กซิทโพลปรากฏออกมา นายอาเบะ ที่เป็นนายกรัฐมนตรีสายเหยี่ยวในวัย 63 ปี กล่าวให้คำมั่นที่่จะจัดการเกาหลีเหนือ โดยจะใช้วิธีทางการทูตที่เด็ดขาด ท่าทีของนายอาเบะมีขึ้นตอบโต้เกาหลีเหนือที่ขู่จะจมประเทศญี่ปุ่นก่อนหน้านี้และยังคุกคามด้วยการยิงขีปนาวุธข้ามน่านฟ้าญี่ปุ่น
มีความเห็นจากสื่อท้องถิ่นของญี่ปุ่นที่แม้จะยอมรับว่านายอาเบะนำพรรคแอลดีพีคว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายก็จริง แต่ชัยชนะของนายอาเบะก็ไม่ได้ทำให้พรรคฝ่ายค้านอ่อนแอลงหรือไร้ประสิทธิภาพลง โดยหนังสือพิมพ์อาซาฮีชี้ว่า “แบรนด์อาเบะ” หรือเครื่องหมายการค้าของนายอาเบะไม่ได้มีความแข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน โดยมีสัญญาณบางอย่างที่ชี้ว่าผู้ลงคะแนนเสียงต้องการความเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ที่นายอาเบะเป็นแค่ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในขณะนี้เท่านั้นเอง
ขณะที่นิกเคอิเดลีชี้ว่า ผู้ลงคะแนนเสียงไม่คิดว่าพรรคฝ่ายค้านจะสามารถบริหารงานรัฐบาลได้ พวกเขาจึงเลือกนายอาเบะที่อย่างน้อยก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าแม้ว่าพวกเขายังมีความกังวลกับรัฐบาลผสมของนายอาเบะก็ตาม
