ที่มา | มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุชาติ ศรีสุวรรณ |
ถึงห้วงแห่งการเปลี่ยนผ่าน จากปีหนึ่งไปสู่อีกปีหนึ่ง
ไม่ว่าจะเกิดความคิด คำพูด หรือการกระทำของคนเราย่อมมุ่งไปสู่การขจัดปัดเป่าเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาให้หมดไป และมุ่งหวังตั้งใจให้สิ่งดีงาม ราบรื่นรุ่งเรืองเกิดขึ้นกับชาติ
ไม่ว่ากับชีวิตส่วนตัว ครอบครัว หรือสังคมส่วนรวมที่อาศัยอยู่
ความดีงาม และความเลวร้ายเป็นด้านตรงกันข้ามของกันและกัน
ในทางเศรษฐกิจ การมีช่องทางที่จะทำมาหากินเพื่อสร้างฐานะให้มั่นคง ร่ำรวย เป็นหลักประกันให้ครอบครัวที่จะอยู่ได้อย่างสุขสบายด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่อำนวยความสะดวกได้ ย่อมเป็นที่ปรารถนา
ขณะที่การทำมาหากินที่ลำบากยากเข็ญ มองไม่เห็นอนาคตที่มั่นคง ทำงานหนัก ปากกัดตีนถีบ ยังไม่พอที่จะหาเลี้ยงชีพ อยากได้สิ่งใดมาอำนวยความสะดวกให้ชีวิต หรือทำให้มีความเป็นอยู่ที่สบายขึ้นก็ไม่มีโอกาสที่จะมองเห็นทางที่เป็นไปได้ คือสภาพที่ต้องการหลีกหนี
ในทางการเมือง การได้มีสิทธิที่เท่าเทียมในส่วนร่วมการบริหารจัดการประเทศ การสามารถแสดงความคิดความเห็น แสดงออกในบทบาทในฐานะสมาชิกที่มีศักดิ์ศรีความเป็นเพื่อนร่วมสังคม ร่วมชาติ
การได้อยู่ในกติกาของประเทศที่เอื้อต่อความเคารพในสิทธิเสรีภาพของกันและกัน ไม่มีใครที่จะถูกวางให้เป็นอภิสิทธิ์ชนเหนือคนอื่น
ย่อมเป็นการเมืองที่ต้องการ
การเมืองที่กำหนดกติกาให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมีสิทธิเหนือกว่าคนอื่น ผูกขาดอำนาจไว้กับพรรคพวกตัวเอง กีดกันคนอื่น ไม่เคารพในความเท่าเทียมของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ใช้อำนาจคุกคามเพื่อการแสดงความคิดความเห็นที่แตกต่าง การแสดงออกของผู้คน ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้มีอยู่
เช่นเดียวกันในทางสังคม
การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ในสังคมที่ผู้คนมีจิตใจเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ เคารพในกันและกัน โดยมีกระบวนการหรือกลไกที่รักษาความสุขสงบ และความปลอดภัยนั้นไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นธรรม เท่าเทียม ย่อมเป็นที่ปรารถนา
ในทางกลับกัน สังคมที่มีแต่การใช้อำนาจบาตรใหญ่ ข่มขู่ข่มเหงกันและกัน ตามแต่ใครจะมีกำลังอำนาจเหนือกว่า มีกติกาและกลไกควบคุมที่ไม่เอื้อให้เกิดความเป็นธรรมอย่างเท่าเทียม เป็นสังคมที่ถูกระแวงสงสัยในเรื่องความยุติธรรม ชีวิตต้องอยู่ด้วยความกังวลถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ย่อมเป็นภาวะที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
สังคมอารยะ กับสังคมอนารยะ ย่อมตัดสินด้วยความเท่าเทียมในสิทธิเสรีภาพของการอยู่ร่วมกัน อย่างได้รับโอกาสที่เท่าเทียมในความสุขสงบ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การแสดงออกด้วยความคิด ความเห็น การดูการกระทำอย่างมีเสรีภาพเท่าที่ไม่กระทบต่อสิทธิของคนอื่น
สังคมใดมีกลไกที่จะก่อให้เกิดสภาวะเช่นนี้ย่อมก้าวสู่ความเป็นอารยะ
และกลับกัน หากสังคมใดไม่มีย่อมเป็นสังคมอนารยะ ป่าเถื่อน
ปีใหม่นี้ เราต่างอวยพรกันและกันให้ได้พบแค่สิ่งดีงาม ปลอดจากสิ่งเลวร้าย
คำพรนั้นจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อ จะต้องร่วมมือกันสร้างสรรค์สังคมที่เป็นอารยะขึ้นมาก่อน เพราะมีแค่กลไกของสังคมอารยะเท่านั้นที่จะสร้างสรรค์ความสุข ความสงบ ให้กับชีวิตผู้คนในสังคมได้
ปีใหม่แล้ว
เราจะร่วมสร้างปลดเปลื้องกลไกที่นำสังคมกลับเข้าถ้ำแห่งอนารยะได้อย่างไร
เราจะร่วมสร้างสังคมอารยะได้อย่างไร
คงไม่เพียงแค่ตั้งคำถาม แต่จะต้องลงใจ ลงแรง ลงมือ เพื่อร่วมกันสร้าง