การตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการประจำปี 2561 กำลังจะเริ่มต้นในระหว่างวันที่ 2-12 เมษายนนี้ ภาพรวมแม้ระเบียบกองทัพจะไม่ต่างอะไรจากปีที่ผ่านมา แต่ก็ถือโอกาสเตรียมพร้อมกลุ่มกะเทยและสาวประเภทสองที่โดนหมายเรียก ไปรายงานตัวอย่างไรไม่ให้ถูกคุกคามทางเพศ รวมถึงไม่ให้หลุดเข้าไปเกณฑ์ทหาร
จันทร์จิรา บุญประเสริฐ ผู้ประสานงานมูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ เล่าว่า ตอนแรกคิดว่าปีนี้จะคล้ายกับทุกๆ ปี แต่พอมาเห็นจำนวนที่กองทัพเพิ่มยอดรับทหารเกณฑ์มากขึ้น จากปี 2560 จำนวน 103,097 นาย เป็น 104,734 นาย ในปี 2561 หรือเพิ่มพันกว่าคน โอกาสเสี่ยงของกลุ่มกะเทยและสาวประเภทสองก็สูงขึ้น เนื่องจากความต้องการที่มากขึ้น น้องๆ หลายคนที่ไม่ได้แปลงเพศมาอาจถูกมองข้าม ฉะนั้นเราจึงต้องเฝ้าระวัง โดยปีนี้ได้ขยายเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ช่วยสังเกตการณ์ในหลายจังหวัด อาทิ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เชียงใหม่ สงขลา
“สิ่งที่น่าห่วงในปีนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องการไม่ได้เตรียมตัวมาของน้องๆ อาจเพราะเข้าไม่ถึงข้อมูลที่เราพยายามรณรงค์ สัสดีที่ไม่ได้แจ้ง หลายคนจึงไม่ได้ไปตรวจร่างกายขอใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลในเครือข่ายที่กองทัพรับรองมา และ ณ วันนี้ก็คงขอไม่ทันแล้ว แต่ก็ยังมีทางออกว่า หากหลุดเข้าไปจับแล้วได้ใบแดงต้องไปเกณฑ์ทหาร ก็มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องต่อประธานหน่วยตรวจเลือก หรือคณะกรรมการชั้นสูงประจำจังหวัด/เขตที่ขึ้นทะเบียนได้ภายในวันที่ 30 เมษายน เพื่อจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบภาวะเพศสภาพ ตรวจสุขภาพ พบจิตแพทย์ ก่อนนำเรื่องสั่งปลดต่อไป” จันทร์จิรากล่าว
ขณะที่ เจษฎา แต้สมบัติ ผู้ประสานงานเครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย กล่าวถึงการเตรียมตัวว่า อยากให้น้องๆ กะเทยไปถึงสถานที่แต่เช้า เตรียมเอกสารให้พร้อม อาทิ ใบสำคัญทหารกองเกิน (สด.9) ใบหมายเรียก (สด.35) บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้านตัวจริงและสำเนา ใบรับรองแพทย์ไม่ว่าเงื่อนไขใดก็ตาม ทั้งเพศสภาพไม่ตรงเพศกำเนิด โรคที่ขัดต่อการเป็นทหาร (ถ้ามี) รวมถึงรับประทานอาหารไปให้พร้อม เตรียมพัด พัดลมมือถือ น้ำดื่มไปให้พร้อม เพราะต้องรอท่ามกลางอากาศร้อนและอาจกินเวลาถึงช่วงบ่ายหรือช่วงเย็น
ส่วนการแต่งกาย เจษฎาแนะนำว่า หากน้องคนไหนยังเรียนอยู่ให้แต่งกายชุดนิสิต/นักศึกษาหญิงไป โดยเฉพาะสวมกระโปรงพลีทยาวคลุมเข่า หากอยู่นอกระบบการศึกษาให้แต่งเสื้อเชิ้ตกระดุมด้านหน้า สวมกางเกงขายาวผู้หญิงไป เหล่านี้จะทำให้เคลื่อนไหวได้สบายกว่า ไม่แนะนำให้ใส่ชุดเดรส เพราะตอนตรวจร่างกายจะต้องถอดหมด สำคัญที่สุดคือการมีสติในการเผชิญสถานการณ์อยู่ตลอด หากถูกคุกคามจนอดกลั้นไม่ไหว ให้เดินไปหาเจ้าหน้าที่ที่สวมปลอกแขนสีแดง ซึ่งจะมี 3 คนในหน่วยตรวจเลือกคือประธานหน่วย แพทย์ และกรรมการ เพื่อขอความช่วยเหลือ
“น้องๆ หลายคนขอใบรับรองแพทย์ไม่ทัน บ้างก็ไม่มี แนะนำว่าให้ไปตามหมายเรียกตามปกติ อย่าไปกลัว หนี และขาด จนเป็นการหนีทหาร เพราะทำอย่างนี้จะช่วยเหลือและเยียวยายากกว่า หากถูกจับได้จะต้องไปเป็นทหารแม้จะมีเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด” เจษฎากล่าว และว่า
ที่สำคัญอย่าไปเชื่อผู้แอบอ้างว่าสามารถช่วยได้ เพียงขอค่าน้ำร้อนน้ำชา เพราะทำอย่างนี้ผิดระเบียบทหาร และปัญหานี้ก็มีทางออกของมันอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี เมื่อตรวจร่างกายผ่านได้ใบรับรองผลการตรวจเลือก (สด.43) อย่าเพิ่งดีใจแล้วกลับบ้านทันที แต่ให้เช็กเอกสารก่อนว่า ระบุเข้าจำพวก 2 สถานะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิดหรือไม่ หรือจำพวก 3 โรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดภายใน 30 วัน ปีหน้าให้มาใหม่ และจำพวก 4 ทุพพลภาพ หากไม่ถูกต้องขอแก้ที่ประธานกรรมการคัดเลือกทันที
