ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีที่นักแสดงหลายคนถูกวิพากษ์วิจารณ์กรณีรับรีวิวสินค้า เมจิก สกิน ซึ่งภายหลังพบว่าเป็นสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานและหน่วยงานที่รับผิดชอบจะเรียกสอบดาราที่เกี่ยวข้อง ซึ่งล่าสุดมีข่าวออกมาว่าเมย์ พิชญ์นาฏ สาขากร หนึ่งในผู้มีรายชื่อรับรีวิวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะฟ้องร้อง ผลิตภัณฑ์โทษฐานหลอกลวง และทำให้เสียชื่อเสียงนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ แจ๊ค ผู้จัดการส่วนตัวของ เมย์ พิชญ์นาฏ เปิดเผย’มติชนออนไลน์’ว่า ตอนนี้คงยังไม่ถึงขั้นนั้น
“ยังไม่ได้ถึงขั้นฟ้องร้องหรอก คือจริงๆเราก็เป็นผู้เสียหายนะ” เขาบอก ทั้งยังว่าก่อนรับงานก็ได้สอบถามเรื่องความถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ดีสิ่งที่เกิดขึ้นต้องถือเป็นความผิดพลาดทางฝ่ายของตนด้วย
ผู้จัดการสาวเมย์บอกอีกว่า ตอนที่ได้รับการติดต่อได้ขอตรวจสอบเลขอย.กับผู้ว่าจ้าง รวมทั้งยังเช็คชื่อบริษัทกับเว็บของอยฺ และเห็นว่ามีชื่อบริษัทอยู่จึงรับ
“ แต่ถ้าข้อมูลที่ลึกไปกว่านั้น บอกตรงๆ ว่าเราในฐานะผู้บริโภคเช่นกันก็คงเช็คไปไม่ถึงขนาดนั้น”
ขณะเดียวกันการเห็นว่าสินค้ามีการขึ้นแผ่นป้ายโฆษณาและมีบุคคลผู้มีชื่อเสียงอีกหลายคนร่วมรีวิวก็ทำให้เชื่อถือ
“เพราะฉะนั้นคงไม่ถึงขั้นฟ้องเมจิคสกินหรอก แต่มันทำให้เราเสียชื่อเสียงเท่านั้นเอง”
ทางด้านมารดาของนางเอกสาว เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา ซึ่งเป็นคนคอยดูแลและรับงานให้ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า หากมีการติดต่อจากทางเจ้าหน้าที่ตนและเอสเธอร์ก็ยินดีให้ความร่วมมือ ทั้งนี้เธอยังเล่าด้วยถึงงานรีวิวสินค้าว่า ทุกคนที่ได้รับการติดต่อ คงถามเหมือนๆกับตนว่าเป็นผลิตภัณฑ์อะไร มีอย.ไหม เงื่อนไขมีอะไรบ้าง
“แต่ว่าดาราก็ไม่สามารถไปเช็คหรอกว่าคุณสวมอย.จริงหรือเปล่า”
เรื่องนี้ผู้จัดการของ มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล ก็ว่าพยายามตรวจสอบก่อนรับงานเช่นกัน เพราะหลักที่ยึดปฏิบัติคือ จะรับงานรีวิวให้เฉพาะสินค้าที่มีความมั่นใจและชัดเจนเท่านั้น
“ครั้งนี้ก็มีบริษัทจริงจัง มีมาหลายปี มีป้ายโฆษณาใหญ่โต มันไม่ได้ใต้ดิน เราก็คิดว่าถ้ามันไม่ถูกคงไม่อยู่มาขนาดนี้ เราก็ว่าเช็คแล้วนะ”
อย่างไรก็ดีผู้จัดการของพระเอกหนุ่มก็ว่าหลังจากนี้คงระวังให้มากขึ้น และหากเจ้าหน้าที่ต้องการให้ไปชี้แจงอะไรเพิ่มเติมก็ยินดีให้ความร่วมมือ
ขณะที่ผู้จัดการส่วนตัวของ แพท ณปภา ตันตระกูล บอกว่าความจริงก็พยายามสกรีนทุกงานอยู่แล้ว เพราะศิลปินทุกคนก็คำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยอยู่
“สุดท้ายแล้ว ตัวศิลปินทุกคน เขาก็มองถึงความปลอดภัยอยู่แล้ว และเรื่องนี้มันเกี่ยวกับชื่อเสียง”
“เรื่องนี้มันเป็นบทเรียนของทุกฝ่าย เราไม่สามารถรู้ได้อยู่แล้วว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ว่ามันก็เป็นบทเรียนของทุกคนเลยว่าต่อไปนี้ต้องระวังมากขึ้น ดูให้ดีขึ้น”