เหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือน ศึกลูกหนังรายการใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียจะเป็นเจ้าภาพก็จะได้ฤกษ์เปิดฉาก
ขณะนี้หลายทีมทยอยประกาศรายชื่อ 23 นักเตะชุดลุยศึกเวิลด์คัพกันออกมาเรื่อยๆ ก่อนจะสรุปสุดท้ายตอนกำหนดเส้นตายวันที่ 4 มิถุนายนนี้
ช่วงนับถอยหลัง 1 เดือนก่อนเวิลด์คัพที่ประเทศรัสเซียเปิดฉาก บรรดากูรูและเกจิหลายสำนักต่างจัดอันดับทีมเต็งที่น่าจับตามองกันหลายทีม และไม่ว่าโพลสำนักไหนก็จะต้องปรากฏชื่อ 5 ทีมนี้ที่มีจำนวนแชมป์โลกรวมกันถึง 13 ครั้งจากการชิงชัย 20 หนหลังสุด
เพื่อเป็นการโหมโรงก่อนการแข่งขันจริงจะเริ่มขึ้น ลองไปดูความพร้อมของทั้ง 5 ทีมเต็งกันว่า การเตรียมตัวทั้งด้านนักเตะและแมตช์อุ่นเครื่องต่างๆ เป็นอย่างไรกันบ้าง
เยอรมนี
ทีมอินทรีเหล็ก แชมป์เก่าและแชมป์โลก 4 สมัย เจออุปสรรคใหญ่เรื่องปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายทวารเบอร์ 1 ของทีมอย่าง มานูเอล นอยเออร์ ซึ่งกระดูกเท้าร้าวจนไม่ได้ลงสนามเลยตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว
แม้แต่เจ้าตัวยังยอมรับว่า การจะติดทีมชาติไปสู้ศึกใหญ่อย่างบอลโลกทั้งที่ไม่ได้ลงเล่นเพื่อเตรียมความพร้อมเลยแม้แต่นัดเดียวเป็นเรื่องเหนือจินตนาการเกินไป ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้หน้าที่หลักจึงตกกับ มาร์ก อันเดร เตอร์ สเตเก้น นายด่านของบาร์เซโลน่าแทน
ส่วนตัวทีมหลักๆ ของ โยอาคิม เลิฟ ยังคงยึดผู้เล่นชุดคว้าแชมป์โลก 2014 โดยมีดาวรุ่งเสริมทัพ อาทิ ติโม แวร์เนอร์, โจชัว คิมมิช ขณะที่ มาร์โก้ รอยส์ ต้องลุ้นความฟิตต่อไป
ส่วนแมตช์อุ่นเครื่องที่ผ่านมา อินทรีเหล็กฟอร์มฝืดๆ ไม่สามารถเก็บชัยเหนือคู่แข่งสำคัญๆ ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน และบราซิล แต่ความที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ทัวร์นาเมนต์ทีม” ต้องรอดูต่อไปว่าเมื่อถึงการแข่งขันจริงจะงัดฟอร์มเก่งออกมาได้หรือไม่
บราซิล
อดีตแชมป์โลก 5 สมัยฟื้นคืนชีพกลับมาหลังจากฝันร้ายตกรอบรองชนะเลิศ 4 ปีที่แล้ว ด้วยการปราชัยให้เยอรมนียับเยิน 1-7 บนแผ่นดินของตัวเอง เมื่อกุนซือ ติเต้ เข้ามากุมบังเหียนและพาทีมผ่านเข้ารอบสุดท้ายด้วยการคว้าแชมป์โซนอเมริกาใต้ แถมยังโชคดีจับสลากแบ่งกลุ่มอยู่กลุ่มที่ไม่หนักนัก เมื่อมีคู่แข่งอย่างคอสตาริกา เซอร์เบีย และสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้หนทางการเข้ารอบค่อนข้างสดใส
ถ้าจะมีปัญหาน่าหนักใจก็คือความฟิตของ เนย์มาร์ แข้งค่าตัวแพงที่สุดในโลกซึ่งเข้ารับการผ่าตัดอาการกระดูกเท้าหักและพักมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ ดานี่ อัลเวส กองหลังคนสำคัญเจ็บเข่ารุนแรงจนหมดสิทธิติดทีมชาติเรียบร้อยแล้ว
สเปน
หลังจากทีมกระทิงดุทำผลงานได้น่าผิดหวังในศึกฟุตบอลถ้วยใหญ่ 2 รายการติด กุนซือ ฆูเลน โลเปเตกี ก็เข้ามารับช่วงต่อจากขรัวเฒ่า บีเซนเต้ เดล บอสเก้ และอดีตนายทวารของรีล มาดริด กับบาร์ซ่าก็มีประวัติทำทีมสุดสวยหรู คุมทัพ 18 นัดตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เก็บชัยได้ 13 นัด เสมอ 5 นัด และไม่แพ้แม้แต่นัดเดียว ในจำนวนนี้คือการถล่มอาร์เจนตินา 6-1 ในเกมอุ่นเครื่อง
แข้งกระทิงส่วนใหญ่ก็กำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่หลายคนยกย่องให้เป็นเบอร์ 1 ของโลกเวลานี้ โดยมี 2 กองหลังมากประสบการณ์อย่าง เซร์คิโอ รามอส และ เคราร์ด ปิเก้ คุมเชิงอยู่ข้างหน้า ขณะที่แนวรุกขับเคลื่อนโดย ดาบิด ซิลบา และ อิสโก้ โดยมี อันเดรส อิเนียสต้า ในวัยใกล้เกษียณคอยเสริม
ฝรั่งเศส
ทีมแดนน้ำหอมเพิ่งผิดหวังจากรอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2016 ที่บ้านตัวเอง หลังพ่ายแพ้ให้โปรตุเกสในช่วงต่อเวลาพิเศษ กลายเป็นแรงกดดันให้โค้ช ดิดิเย่ร์ เดสช็องป์ ต้องสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ในเวิลด์คัพหนนี้
ในแง่ฟอร์มการเล่นช่วงรอบคัดเลือก แม้จะคว้าแชมป์กลุ่มมาได้ แต่ผลงานไม่ค่อยน่าประทับใจนัก เช่นเสมอลักเซมเบิร์กในบ้าน 0-0 จนโดนวิจารณ์หนัก
ปัญหาหลักๆ ของเดสช็องป์คือจะนำระบบอะไรมาใช้ให้ลงตัวกับนักเตะมากพรสวรรค์ที่มี โดยเฉพาะในแนวรุกที่มีทั้ง อองตวน กรีซมันน์, ปอล ป๊อกบา และ คีเลียง เอ็มบัปเป้
อาร์เจนตินา
นี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของ ลิโอเนล เมสซี่ หลังจากประสบความผิดหวังในระดับทีมชาติมาครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงขั้นที่กัปตันทีมฟ้า-ขาว เคยถอดใจอำลาทีมชั่วคราวไปหนหนึ่งแล้ว
แต่การเข้าร่วมศึกฟุตบอลโลกหนนี้ของเมสซี่และพลพรรคนักเตะอาร์เจนไตน์ก็ถือว่าทุลักทุเลพอสมควร เมื่อเมสซี่ต้องรับบทฮีโร่ทำแฮตทริกในเกมเตะรอบคัดเลือกนัดสุดท้ายกับเอกวาดอร์จนตีตั๋วเข้ารอบฉิวเฉียด
กุนซือ ฮอร์เก้ ซัมเปาลี โดนวิจารณ์หนักเรื่องการจัดตัวผู้เล่น ทั้งที่มีนักเตะดีๆ หลายคน
เช่นการมองข้าม เมาโร อิคาร์ดี้ ดาวยิงอินเตอร์ มิลาน และ เปาโล ดีบาล่า กองหน้ายูเวนตุส ในเกมอุ่นเครื่องเดือนมีนาคม ส่วนดาวยิงตัวเก๋าอย่าง เซร์คิโอ อากูเอโร่ ก็มีปัญหาบาดเจ็บ ต้องลุ้นความฟิตกันจนถึงที่สุด
ตอนนี้ซัมเปาลีประกาศรายชื่อนักเตะออกมา 35 คน ก่อนจะตัดตัวเหลือ 23 ช่วงโค้งสุดท้าย ถึงเวลานั้นคงจะเห็นแผนและระบบที่ฟ้า-ขาวจะใช้ลุ้นแชมป์กลางปีนี้กันมากขึ้น
แต่หลายคนเชื่อว่าด้วยสไตล์ของซัมเปาลี เมสซี่ไม่พ้นต้องรับภาระหนักอยู่เจ้าเดียวเหมือนเดิม
