ผู้เขียน | วิฑูรย์ สิมะโชคดี |
---|
ทุกวันนี้ ไทยเรามี “ของดี” อยู่มากมายที่ขายได้ เพียงแต่ขาดจุดขายและการ บูรณาการเพื่อสร้าง “คุณภาพ” ในตรายี่ห้อ (Brand name) ของสินค้าไทยอย่างจริงจัง
เช่นเดียวกับที่เรามี “คนเก่ง” อยู่มากมาย แต่น่าเสียดายที่ยังหา “เวที” ของตัวเองไม่พบ เพราะขาดโอกาส
ปัญหาของเราในวันนี้ จึงไม่ใช่เพียงแต่เรื่องของ “เทคโนโลยี” และ “นวัตกรรม” เท่านั้น ที่จะทำให้เราไปถึง “ประเทศไทย 4.0” อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่ยังมีองค์ประกอบที่เป็นพื้นฐานสำคัญจะทำให้เราก้าวสู่ “ประเทศไทย 4.0” ช้ากว่าเป้าหมายที่ควรเป็น อันได้แก่ “วิธีคิดวิธีทำงาน” (วิธีบริหารจัดการ) และ “วัฒนธรรมองค์กร” ที่เป็นปกติวิสัยฝังอยู่ในสายเลือดและวิธีการทำงานของพวกเรา
ปัจจุบัน เรายังคงอาศัยทฤษฎีการบริหารจัดการของปรมาจารย์ฝรั่งและญี่ปุ่นอยู่มากมาย (เดี๋ยวนี้ยังรวมของจีนและเกาหลีด้วย) ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีด้านการตลาด (Marketing) ทฤษฎีทางด้านการปฏิบัติการหรือการผลิต (Operation) ทฤษฎีการเงินการบัญชี (Finance and Accounting) ทฤษฎีด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น เราจึงมีศัพท์แสงและคำย่อทางด้านการบริหารจัดการมากมาย ที่ได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันของการทำงานและการบริหารจัดการ เช่น 5ส, QCC, TQC, TQM, TPS, BCG, BSC, OKR และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงปรัชญาต่างๆ ของ สามก๊ก, ซุนหวู่, ซัมซุง เป็นต้น
เรายังไม่มีวิธีการบริหารจัดการที่เป็น “แนวความคิด” ของไทยเราอย่างชัดเจนเลย ซึ่งเกิดจากการวิเคราะห์วิจัยหรือตกผลึกทางความคิดของคนไทย มีชื่อเรียกเป็นภาษาไทยที่พวกเราใช้ได้อย่างภาคภูมิใจว่า นี่คือวิธีการของไทยเราที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและบุคลิกภาพของคนไทยมากที่สุด “แนวความคิดทางการบริหารจัดการ”
เรายังไม่มี “ทฤษฎีการบริหารจัดการ” ที่เป็นของไทยเราเองที่เหมาะจะใช้กับองค์กรของไทยเช่นเดียวกับ “5ส ของญี่ปุ่น”
เราได้แต่หยิบยืมวิธีคิดวิธีบริหารจัดการของฝรั่งและของญี่ปุ่นมาใช้ตลอด ทั้งที่เป็นแนวความคิดและวิธีการที่ตั้งอยู่บนวัฒนธรรมของพวกเขา ซึ่งหลายสิ่งหลายอย่างต่างจากวัฒนธรรมของพวกเราอย่างมาก
แต่ก็ยังดี ที่พวกเราสามารถนำไปประยุกต์ปฏิบัติจนเกิดผลสัมฤทธิ์ได้ แต่ที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ก็คือเราไม่ได้นำ เอาผลลัพธ์ที่เกิดจากการประยุกต์ใช้อย่างได้ผลนั้นมาจดบันทึกเป็น “มาตรฐานวิธีบริหารจัดการของไทย” เพื่อถ่ายทอดและเรียนรู้ต่อไปอย่างเป็นระบบ
ในความเป็นจริงแล้ว เรามีอาจารย์และนักวิชาการหลายท่านที่พยายามทำดั่งว่า (คือ หาวิธีการที่เป็นของคนไทย) แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับและต้องเลิกราไปในที่สุด
ว่าไปแล้ว เรามีงานวิจัยและพัฒนา (RND) รวมทั้งกรณีศึกษา (Case Study) เกี่ยวกับวิธีคิดและวิธีบริหารจัดการในองค์กรต่างๆ ของไทยเราที่ประสบความสำเร็จมากมาย แต่งานวิจัยเหล่านั้นก็ถูกเก็บวางไว้บนหิ้ง โดยไม่ได้ขยายผลและนำไปสู่การประยุกต์ใช้หรือไม่ได้นำไปสู่การปฏิบัติ เราจึงไม่ได้เรียนรู้อย่างเป็นเป็นชิ้นเป็นอัน
จึงถึงเวลาที่เราต้องตัดสินใจว่า จะยังคงเป็น “ผู้ซื้อ” (เทคโนโลยีและการบริหารจัดการ) ต่อไป หรืออย่างไรดี ครับผม !