ภาพเก่าเล่าตำนาน : ปาก้อนหิน…เพื่อประหาร โดย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

ข่าวใหญ่จากประเทศเพื่อนบ้านของไทย สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก คือ การบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์ … “บรูไนประกาศใช้กฎหมายปาก้อนหิน เพื่อลงโทษพวก เกย์ และชู้สาว”

เพื่อเป็นความรู้ภาษาอังกฤษเพิ่มเติม สำนักข่าว CNN ใช้คำนี้ครับ.. “Brunei to punish gay sex and adultery with death by stoning.”

ลองมาคุยกันเรื่องประเทศบรูไน เพื่อนบ้านของไทย มีคนไทยไปทำงานหาเงิน ไปเที่ยว ไปราชการ ฯลฯ

ย้อนไปราว 700 ปี อาณาจักรบรูไนแห่งนี้ เคยติดต่อค้าขายกับราชวงศ์ของจีน.. โปรตุเกสแล่นเรือเข้ามา ชาวบรูไนเคยรบกับสเปน เชื่อกันว่าเรือสินค้าที่แล่นค้าขายไป-มาในภูมิภาคนี้ ยังมาแวะทำมาค้าขายกับชาวนครศรีธรรมราช…

Advertisement

บรูไน รุ่งเรือง มีอำนาจมากในช่วงศตวรรษที่ 14 ถึงศตวรรษที่ 16 ครอบครองดินแดนส่วนใหญ่ของเกาะบอร์เนียวและส่วนหนึ่งของหมู่เกาะซูลู สินค้าส่งออกที่สำคัญของบรูไนในสมัยนั้น ได้แก่ การบูร พริกไทย และทองคำ

ช่วงเวลาต่อมา บรูไนเสียดินแดนและเสื่อมอำนาจลงเนื่องจากสเปนและเนเธอร์แลนด์เข้ามาพร้อมเรือปืน

พ.ศ.2431 บรูไนสมัครใจเข้าอยู่ภายใต้อารักขาของอังกฤษเพื่อให้อังกฤษคุ้มครอง และต่อมาในปี พ.ศ.2449 บรูไนได้ลงนามในสนธิสัญญายินยอมอยู่เป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษอย่างเต็มรูปแบบ

Advertisement

พ.ศ.2472 บรูไนสำรวจพบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่เมืองเซรีอา ทำให้บรูไนรุ่งเรืองเฟื่องฟูมีเงินทองไหลมาเทมา

บรูไน อยู่ภายใต้อารักขาของอังกฤษมาถึง 95 ปี ก็ได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2527

บรูไน หรือชื่อทางการ รัฐบรูไนดารุสซาลาม (State of Brunei Darussalam) หรือเนการา บรูไน ดารุสซาลาม (Negara Brunei Darussalam) มีพื้นที่ 5,765 ตารางกิโลเมตร เมืองหลวง คือ กรุงบันดาร์ เสรี เบกาวัน

ทั้งประเทศมีจำนวนประชากรประมาณ 4 แสนคน มีคนเชื้อสายมาเลย์ จีน ชาวพื้นเมือง และเชื้อชาติอื่นๆ ประเทศบรูไนใช้ภาษาบาฮาซามาเลย์เป็นภาษาราชการ ประชาชนใช้ภาษาอังกฤษและภาษาจีน

ประเทศบรูไนปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ปกครองในระบบสุลต่าน โดยองค์สุลต่าน (Sultan) จะมีอำนาจเด็ดขาดเพียงผู้เดียว มีฐานะเป็นสมเด็จพระราชาธิบดี (Yang Di-Pertuan Negara) และเป็นประมุขสูงสุดของประเทศ (Head of State)

เมื่อ 3 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา รัฐบาลบรูไนประกาศใช้กฎหมายอิสลาม ชารีอะห์ (Shariah) ซึ่งกำหนดบทลงโทษประหารชีวิตด้วยการขว้างด้วยก้อนหินจนตายสำหรับผู้กระทำความผิดในข้อหาคบชู้ และรักร่วมเพศ ทั้งหญิงกับหญิง และชายกับชาย ผู้กระทำความผิดรักร่วมเพศ คบชู้ ข่มขืน และจะตัดข้อมือ-ข้อเท้าในฐานความผิดลักขโมย

ความผิดฐานลักขโมย จะถูกตัดข้อมือขวาในการทำผิดครั้งแรก และตัดข้อเท้าซ้าย หากกระทำผิดซ้ำเป็นครั้งที่ 2

เป็นข่าวใหญ่กระหึ่ม พาดหัวตัวไม้ดังไปทั่วโลก

กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ในภาษาอังกฤษใช้คำย่อว่า LGBT ซึ่งเป็นตัวย่อคำว่า Lesbian (เลสเบี้ยน) Gay (เกย์) Bisexual (ไบเซ็กชวล) และ Transgender (คนข้ามเพศ) ในบรูไนคือกลุ่มคนที่สะดุ้งสุดตัวในกฎหมายนี้ ประชาชนชาวบรูไนรวมทั้งชาวต่างชาติที่เข้าไปในอาณาจักรต้องปฏิบัติตาม

กฎหมายชารีอะห์ ในบรูไนเคยจะบังคับใช้ครั้งแรกในปี 2557 แต่ก็ถูกเลื่อนโดยสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ซึ่งมีพระชนมายุ 72 พรรษา

สุลต่านโบลเกียห์ได้รับความชื่นชมจากประชาชนเป็นที่กว้างขวาง โดยเฉพาะสวัสดิการต่างๆ ต่อประชาชน เศรษฐกิจของบรูไนนั้น มากกว่าร้อยละ 90 ของรายได้มาจากการส่งออกก๊าซและน้ำมั

ชาวบรูไนมีมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีประเทศหนึ่งในโลก มั่งคั่ง มีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รัฐบาลจึงสามารถให้สวัสดิการอย่างดีเลิศแก่ประชาชน โดยไม่มีการเก็บภาษีเงินได้ส่วนบุคคล ค่ารักษาพยาบาลฟรี สำหรับการศึกษา รัฐให้ประชาชนทุกคนเล่าเรียนจนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาฟรี

มีผู้นับถืออิสลามนิกายสุหนี่ 67% ศาสนาพุทธนิกายมหายาน 13% ศาสนาคริสต์ 10% ศาสนาอื่นๆ และไม่มีศาสนา 10%

ลองมาทำความรู้จักกับ การลงโทษในลักษณะการปาหิน…

การปาหินประหาร เป็นไปตามกฎหมายชารีอะห์อย่างเต็มรูปแบบ “ซาอุดีอาระเบีย” ประเทศมุสลิมในตะวันออกกลางเคร่งครัดในหลักศาสนาใช้หลักการนี้

เมื่อถูกตัดสินว่ามีความผิด เขา เธอ จะถูกมัดห่อร่างกายด้วยผ้าแล้วนำร่างไปฝังดินให้ศีรษะโผล่ขึ้นมาเหนือพื้นเพื่อป้องกันการหลบหนีและปัดป้อง เปิดโอกาสให้ผู้มาอยู่ในเหตุการณ์ใช้ก้อนหินขว้างปาใส่ผู้เคราะห์ร้ายจนกว่าจะเสียชีวิต

ตามข้อมูลที่ค้นมา บทบัญญัติว่าด้วยการลงโทษที่ 102 ถ้าเป็นชายจะถูกฝังดินถึงบริเวณเอว ส่วนผู้หญิงจะฝังลงไปถึงบริเวณราวนมโผล่ศีรษะขึ้นมา

ชาวบ้านด้วยกัน คือ กลุ่มผู้ที่จะใช้หินขว้าง บางกรณีอาจจะใช้ท่อนไม้ จะกำหนดขนาดของก้อนหินเพื่อมิให้การประหารยืดเยื้อหรือจบเร็วเกินไป

การตัดสินว่ามีความผิด ต้องมีพยาน มีหลักฐาน ผู้ตัดสินต้องมีความรู้กระบวนการตัดสินคดีความ

ถ้าศึกษาอดีต การประหารด้วยการปาก้อนหิน เคยเกิดมาตั้งแต่สมัยกรีก สมัยอาณาจักรโรมัน ซึ่งปรากฏในคำสอนของ ยูดิโอ-คริสเตียน ซึ่งบัญญัติโทษสำหรับ ฆาตกรรม ข่มขืน ชู้สาว

การรักเพศเดียวกันในบรูไน เป็นเรื่องผิดกฎหมาย มีโทษสูงสุดจำคุกถึง 10 ปีอยู่แล้ว แต่การปรับแก้ประมวลกฎหมายอาญาใหม่ตามกฎหมายอิสลาม หรือชารีอะห์ โทษในข้อหานี้อาจรวมถึงการโบยและปาหินจนถึงแก่ความตาย เช่นเดียวกับความผิดฐานคบชู้ และข่มขืน

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า สุลต่านบรูไนส่งสัญญาณไปถึงอีก 2 ประเทศคือ อินโดนีเซียและมาเลเซีย โดยทั้ง 2 ประเทศได้มีบทลงโทษสำหรับกลุ่มรักร่วมเพศ ด้วยวิธีการ “เฆี่ยนต่อหน้าสาธารณชน”

การเฆี่ยนชาย-หญิงต่อหน้าสาธารณชน และเป็นข่าวทั่วโลกตลอดมาจนทุกวันนี้ คือ จังหวัดอาเจะห์ ในอินโดนีเซีย (ซึ่งผู้เขียนเคยไปปฏิบัติราชการในปี พ.ศ.2547-2548)

วันที่ 28 มีนาคม 2562 เฟซบุ๊กของกรมการกงสุลของไทยได้เผยแพร่ คำเตือนผู้ที่จะเดินทางไปหรือพำนักในประเทศบรูไน ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งหากฝ่าฝืน จะมีโทษหนักถึงขั้นปาหิน หรือแขวนคอ

โดยเนื้อหาเตือนคนไทยระบุว่า …“ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2562 เป็นต้นไป บรูไนจะเริ่มบังคับใช้กฎหมายอาญาภายใต้ กฎหมายชารีอะห์ (Criminal Code Order) ที่มีบทลงโทษรุนแรง โดยกฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายทางศีลธรรมของศาสนาอิสลามที่ควบคุมความประพฤติส่วนตัวและการกระทำต่อสาธารณชน โดยจะมีผลบังคับใช้ต่อชาวบรูไนทั้งหมด ทั้งที่นับถือศาสนาอิสลามและศาสนาอื่นๆ รวมทั้งชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยในบรูไนด้วย

มาตรการลงโทษ จะพิจารณาจากฐานความผิด พฤติกรรมและการกระทำผิด อาทิ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การหมิ่นศาสนา การลักทรัพย์ การข่มขืน การผิดรักกับคนเพศเดียวกัน เป็นต้น โดยจะมีบทลงโทษจากสถานเบาไปสู่สถานหนัก อาทิ การปรับ การจำคุก การเฆี่ยนตี การตัดมือและอวัยวะอื่นๆ การขว้างปาหินใส่ผู้กระทำผิด การแขวนคอ เป็นต้น…”

ผู้เขียนค้นคว้าเพิ่มเติมพบว่า ประเทศที่เคยใช้การ “ปาหินประหาร” คือ อิหร่าน ปากีสถาน อัฟกานิสถาน ซีเรีย ไนจีเรีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีการถกเถียง โต้แย้งเกี่ยวกับบทบัญญัติทางศาสนาอย่างกว้างขวาง ที่ไม่เห็นด้วย-ไม่เห็นด้วยกับการลงโทษเช่นนี้

เขียนมาถึงตรงนี้…ผู้เขียนนึกถึงคดีสะเทือนใจในประเทศไทยเมื่อ 5 ก.ค. 2557 …ชายไทย 2 คน ร่วมกันข่มขืนแล้วฆ่า ด.ญ. 13 ปี บนขบวนรถไฟที่ 174 สุราษฎร์ธานี-กรุงเทพฯ แล้วโยนร่างของเด็กที่ยังมีชีวิตออกจากหน้าต่างรถไฟเพื่ออำพรางคดี…ต่อมาพบศพเด็กหญิงเคราะห์ร้ายในสภาพนอนเปลือยกายอยู่ริมป่าหญ้าข้างทางรถไฟ ใน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในช่วงเช้ามืดวันที่ 7 ก.ค. 2557…

เมื่อตรวจสอบประวัติของ 1 ในคนร้ายย้อนหลังยังต้องตะลึง… มันยังเคยก่อเหตุข่มขืนผู้โดยสารบนขบวนรถไฟมาแล้วถึง 2 ครั้ง ซ้ำมีประวัติถูกจับคดียาเสพติดเมื่อปี 2552

คนร้ายโฉดชั่ว รับโทษแค่ไหน อย่างไร น่าสนใจมั้ยครับ ?

พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image