อีกก้าว การเมือง ก้าวสำคัญ อนาคตใหม่ พรรค ‘มวลชน’

คำประกาศของพรรคอนาคตใหม่ที่แสดงความพร้อมจะเข้าสู่สนามเลือกตั้งระดับท้องถิ่น คือ ระเบิดเวลาอีกลูกหนึ่งในทางการเมือง

เป้าใหญ่ คือ กระหน่ำเข้าใส่ “รัฐรวมศูนย์”

คำประกาศนี้เป็นผลจากการจัดตั้งพรรค และการลงพื้นที่อย่างเข้มข้นเป็นลำดับนับแต่เดือนมีนาคม 2561 กระทั่งมาถึงเดือนมีนาคม 2562

เป็น 1 ปีที่เสริมความมุ่งมั่นให้กับ “อนาคตใหม่”

Advertisement

เป็น 1 ปีที่พรรคอนาคตใหม่มีความมั่นใจในการสร้างจุดต่างอย่างมีนัยสำคัญกับพรรคการเมืองเดิม พรรคการเมืองที่เรียกกันในทางรัฐศาสตร์ว่า “พรรคสภา”

เพราะเป้าหมายที่พรรคอนาคตใหม่กำลังก้าวไปคือ “พรรคมวลชน”

ความมั่นใจเป็นอย่างสูงคือการได้มาซึ่งสาขาพรรคประจำ 77 จังหวัดทั่วประเทศที่มีความพร้อมเต็มเปี่ยมในการขับเคลื่อนเพื่อเติมเต็มความฝันให้เป็นจริง

เสริมความแข็งแกร่งให้กับการเมืองในระบบรัฐสภา

มาถึง ณ วันนี้ ไม่ว่าจะมองจาก คสช. ไม่ว่าจะมองจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะมองจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะมองจากพรรคเพื่อไทย

เส้นทางของพรรคอนาคตใหม่มิใช่เรื่องเล่นๆ

มิใช่เพราะ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ร้อนวิชา มิใช่เพราะวิญญาณเอ็นจีโอเข้าสิง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ชั่วครู่ชั่วยาม

มิใช่เป็นเรื่องของ “เด็ก” เมื่อวานซืน ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม

การได้มา 6.2 ล้านคะแนนเป็นเรื่องของเด็กๆ อย่างนั้นหรือ การได้มา 80 กว่า ส.ส.ทั้งระบบเขต ระบบบัญชีรายชื่อ เป็นเรื่องเล่นๆ อย่างนั้นหรือ

พรรคพลังใหม่เมื่อปี 2518 ยังทำไม่ได้ พรรคพลังธรรมเมื่อปี 2531 ยังทำไม่ได้

พลันที่พรรคอนาคตใหม่เริ่มระดม Futurista พลันที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ไปบรรยายในงาน Future is Now ที่เชียงใหม่ ตามด้วยการย้าย Future is Now ใน กทม.

นี่มิได้เป็นเรื่องเด็กสร้างบ้าน หรือหัวล้านสร้างเมืองอีกแล้ว

มั่นใจได้เลยว่าคำประกาศสู้ในสนาม อบจ. อบต.และเมืองอย่างพัทยา กทม.ของพรรคอนาคตใหม่จะยิ่งกระตุ้นต่อมแห่งความหงุดหงิด

ไม่ว่า “ลุง” ที่ คสช. ไม่ว่า “ป้า” ในวงการ

หลังคำประกาศการเดินหน้า “สอย” ผู้สมัครและว่าที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่จะดำเนินไปด้วยความคึกคัก เข้มข้น

ไม่เพียงทำให้การรับรองในวันที่ 9 พฤษภาคม ต้อง “เดี้ยง” เท่านั้น

หากเป็นไปได้ว่าความเหนียวหนืดจะนำไปสู่การชะลอการรับรองผลว่าที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่เป็นเบื้องต้น

เป้าหมายสุดท้าย คือ ยุบพรรค

พรรคอนาคตใหม่จึงมีชะตากรรมไม่แตกต่างไปจากพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2550 ไม่แตกต่างไปจากพรรคพลังประชาชนเมื่อปี 2551

ต้องตีให้แตก แหลกละเอียด ก่อนจะโตและแข็งแกร่งกว่านี้

หากมองจากสภาพความเป็นจริงที่พรรคอนาคตใหม่ยืนยันการต่อสู้ในสนาม อบต. อบจ. ประสานกับการต่อสู้ในสนาม ส.ส.

ก็ห่างไกลยิ่งกับข้อกล่าวหา “ซ้ายจัด ดัดจริต”

เพราะที่พรรคอนาคตใหม่ประกาศ คือ การต่อสู้ในหนทางรัฐสภา คือ การระดมกำลังเพื่อสร้างคะแนนและความนิยมผ่านการเลือกตั้ง

เพียงเพราะต้องการสร้าง “พรรคมวลชน” ก็เป็นอันตรายแล้วหรือในสังคมไทย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image