กระหึ่มแห่งเสียงตะโกน “ออกไป ออกไป” อันดังก้องตลอด 2 รายทางในสวนรถไฟ เมื่อตอนเช้าและตอนสายของวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม
หากเรียกตามภาษาของออนไลน์ คือ “ไวรัล”
ไม่ได้มีการเผยแพร่แต่ทาง “วอยซ์” อย่างที่คาดหวังและรู้สึก ไม่ได้มีการเผยแพร่ทาง “ยูดีดี” อันเป็นเครือข่ายของ นปช.
ตรงกันข้าม เห็นได้จาก “อมรินทร์” เห็นได้จาก “ไทยรัฐ”
ขณะเดียวกัน หากนำไปเปรียบเทียบกับกระหึ่มแห่งเสียงกู่ร้องขานรับ ณ สกายวอล์ก ปทุมวัน เมื่อวันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม
นั่นคือ วลีเดียวกัน ประโยคเดียวกัน
มองผ่านกระบวนการของพยาธิสภาพ นี่คืออาการของ “โรคระบาด” ในทางการเมืองอันเกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างต่อเนื่องกัน
ไม่เพียงใน กทม. หากเป็นไปเกือบทั่วประเทศ
รายงานจากแหล่งข่าวสาย “ความมั่นคง” ยืนยันว่า ไม่ว่าที่เชียงใหม่ในภาคเหนือ ไม่ว่าที่นนทบุรีในภาคกลาง ไม่ว่าที่อุบลราชธานีในภาคอีสาน ไม่ว่าที่ปัตตานีในภาคใต้
ล้วนมีภาพอย่างเดียวกัน เสียงร้องขานรับอย่างเดียวกัน
คำถามซึ่งออกมาจากทำเนียบรัฐบาลก็คือ ภาพและเสียงเหล่านี้เกิดขึ้นและดำรงอยู่ได้อย่างไรทั้งๆ ที่มีการสกัดและขัดขวางอย่างเต็มพิกัด
ไม่ว่าจะส่งคนไปติดตาม ไม่ว่าจะคุกคามโดยตรง
คุกคามเหมือนกับที่กรรมการสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประสบ คุกคามเหมือนกับที่เจ้าของโรงแรมย่านถนนราชดำเนินประสบ
แล้วกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” เกิดขึ้นได้อย่างไร
ทั้งการเกิดขึ้นมิได้จำกัดแต่เพียง ณ สวนรถไฟ เขตจตุจักร กทม. หากแต่เห็นและได้ยินอย่างถ้วนทั่้วกันทั้งที่พะเยา นครราชสีมา พัทลุง ตรัง และนครปฐม
สะท้อนว่ากลไก “อำนาจรัฐ” เริ่มอ่อนเปลี้ย ไม่อาจทำอะไรได้
มองจากสภาพความเป็นจริงอันมีจุดเริ่มต้นจากแฟลชม็อบในเดือนธันวาคม มายังวิ่งไล่ลุงในเดือนมกราคมเท่ากับเป็นการส่งและรับลูก
2 จุด 2 ฝ่ายนี้รู้กันหรือไม่
หากมองผ่านท่าทีของบางคนจากบางพรรคการเมือง เหมือนกับจะเป็นการส่งสัญญาณระหว่างกันและกัน แต่จะประเมินอย่างไรเมื่อเห็น นายสมชัย ศรีสุทธิยากร
จะประเมินอย่างไรเมื่อเห็น นายจอห์น วิญญู
จะประเมินอย่างไรเมื่อเห็นการบริหารจัดการอย่างรอบคอบรัดกุมของสมาพันธ์ “วิ่งไล่ลุง” ซึ่งล้วนเป็นคนรุ่นใหม่
ไม่ว่าคนหญิง ไม่ว่าคนชาย
พวกเขาสามารถดึงคนเป็น “หมื่น” มาเข้าร่วมด้วยความร่าเริงและแจ่มใส เป็นการเข้าร่วมผ่านการลงทะเบียนและเสียเงิน
เท่ากับเป็นเสียเงินเพื่อร่วม “วิ่งไล่ลุง”
เห็นเช่นนี้ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ล้วนต้องหนักใจ
เพราะเป้าหมายอยู่ที่ “ลุง”
เป็นลุงอันสร้างรากฐานจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 เป็นลุงอันทะยานขึ้นสู่อำนาจจากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
และในเดือนกุมภาพันธ์ เขาจะ “วิ่งไล่ลุง” กันอีกที่เชียงใหม่