ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ล้วนแอ่นอกสำแดงความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยม
เป็นความพร้อมในฐานะ “ชายชาติทหาร”
ที่จะประจันกับญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจอันมาจากพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยความหาญกล้า
ในฐานะคนเคยผ่าน “สมรภูมิ” มาแล้ว
อาการแอ่นอกอันมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประสานกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผนวกกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ทุกคน “จำเป็น” ต้องเชื่อ ต้องคารวะ
กระนั้น เมื่อทอดตามองไปยังหลายคนที่อยู่ภายในคณะกรรมการ “วิปรัฐบาล” ที่เดินเหินเคลื่อนไหวอยู่ภายในพรรคพลังประชารัฐ
ทุกคนก็เริ่มไม่มั่นใจใน “ชายชาติทหาร”
หากมองจากอาการของ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิป หากมองจากอาการของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน
รองหัวหน้าพรรค หากมองจากอาการของ นายสิระ เจนจาคะ
เด่นชัดยิ่งในความหวาดกลัวต่อ “ญัตติ”
โดยเฉพาะตรงประโยค “ไม่ยึดมั่นและศรัทธาในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน
แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาด ล้มเหลว
ในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเอง ละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรมและสิทธิมนุษยชน ทำลายระบบคุณธรรมในระบบราชการ แทรกแซงขบวนการยุติธรรม”
นำไปสู่ “ปฏิบัติการ” มากมายเพื่อ สกัด “ขัดขวาง”
เบื้องต้นอันเป็นมติจากวิปพรรคพลังประชารัฐ คือ ยื่นต่อประธานรัฐสภากดดันให้พรรคร่วมฝ่ายค้านแก้ไขถ้อยคำและเนื้อหาในญัตติ
ผลก็คือ พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ยอมแก้
ปฏิบัติการที่ตามมาก็คือ การขู่ว่าจะประท้วงกระทั่งไม่สามารถอภิปรายได้ จากนั้น จะนำขึ้นฟ้องร้องต่อศาลสถิตยุติธรรม
เครื่องมือก็คือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
หนักข้อขึ้นไปอีกก็โดยการส่ง นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ออกมาแถลงว่าจะส่งญัตติไปให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและตีความ
ปรากฏว่า รัฐสภาออกมายืนยันในความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของ “ญัตติ”
การยืนยันของรัฐสภาทำให้พรรคพลังประชารัฐออกมาแก้เกี้ยวว่า ปฏิบัติการจากพรรคเสมอเป็นเพียงการป้องปรามในทางการเมือง
เท่ากับเป็น “ยุทธวิธี” ในการขัดขวาง
ความกล้าเยี่ยง “ชายชาติทหาร” ไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมาจาก
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ล้วนได้รับการยกย่อง สดุดี
ขณะเดียวกัน การออกโรงของประดา “คุณห้อย คุณโหน” ภายในรัฐบาล ภายในพรรคพลังประชารัฐ
ก็ก่อให้เกิดความแคลงคลาง กังขา
ที่ว่า “กล้า” นั้นเป็นความกล้าอย่างแท้จริง ละหรือ
