จุดเสี่ยง รัฐบาล ใน สถานการณ์ ‘โควิด’ วิกฤต การเมือง

ไม่ว่าจะเผชิญเข้ากับปรากฏการณ์ “หมอไม่ทน” ไม่ว่าจะเผชิญกับปรากฏการณ์ “การมาของคนอินเดีย” นี่คือการเผชิญเข้ากับสถานการณ์ “วิกฤต”

เพราะเบื้องหน้า คือ การแพร่ระบาดรอบที่ 3

เป็นการแพร่ระบาดที่มีจำนวนคนติดเชื้อ “ไวรัส” ทะยานเข้าสู่ “หลักพัน” เป็นการแพร่ระบาดที่จำนวนคนตายเริ่มเข้าสู่ “หลักสิบ”

ท่ามกลางเสียงบ่นเรื่อง “เตียง” เรื่อง “โรงพยาบาล”

Advertisement

เสียงเพรียกหา “วัคซีน” ดังกึกก้อง ไม่เพียงแต่จาก “ชาวบ้าน” ตาดำๆ เท่านั้น หากแม้กระทั่ง “เจ้าสัว” ก็สุดทน

การวิพากษ์ “ระบอบประยุทธ์” จึงดังขึ้นกึกก้อง

ไม่ว่าจะเป็นคนที่เคยร่วมในขบวนการ “กู้ชาติ” ไม่ว่าจะเป็นคนที่เคยร่วมในขบวนการ “เป่านกหวีด” ก็ออกมาประสานเสียงกับ “คนเสื้อแดง”

Advertisement

ทุกนิ้วล้วนชี้ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

คำถามที่แหลมคมเป็นลำดับก็คือ ยอมรับหรือไม่ว่ารัฐบาลกำลังประสบกับสถานการณ์อันเป็น “วิกฤต” และจะบริหาร “ความเสี่ยง” ของสถานการณ์นี้อย่างไร

สภาพที่เห็นและเป็นอยู่ชวนให้สงสัย

เมื่อเผชิญกับปรากฏการณ์ “หมอไม่ทน” โดยพุ่งปลายหอกไปยัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

จะจัดการโดยคำสั่งจาก “พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์” และ “พ.ร.บ.การพนัน” กระนั้นหรือ

จะจัดการโดยคำสั่งไปยังสาธารณสุขจังหวัด “สสจ.” ให้ออกมาอวย “รัฐมนตรี” อย่างทื่อๆ ผ่านแต่ละเพจของ “โรงพยาบาล” กระนั้นหรือ

แล้วจำนวนคนร่วมลงชื่อ 100,000 ภายในไม่กี่ชั่วโมง จะทำความเข้าใจอย่างไร

เช่นเดียวกับกรณีที่มีข่าวว่ามีคนอินเดียบินเข้ามายังประเทศไทยระลอกแล้วระลอกเล่า จะจัดการเพียงปฏิเสธข่าวก็พอแล้วหรือ

แล้วตัวเลขที่แพร่โดย “สถานทูต” จากเดลีจะทำอย่างไร

ไม่ว่าจะมองระดับกระทรวงสาธารณสุขผ่าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่ว่าจะมองระดับรัฐบาลผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ปมเงื่อนอยู่ตรง “ความน่าเชื่อถือ”

เป็นความน่าเชื่อต่อกระบวนการบริหารจัดการในยาม “วิกฤต” ทั้งๆ ที่มี พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ในมือ

แล้วผลเป็นอย่างไร

การระบาดเข้ามารอบที่ 1 พอจะเข้าใจได้เพราะเป็นเรื่องกะทันหัน แต่พอเข้าสู่รอบที่ 2 แต่พอเข้าสู่รอบที่ 3 ทั้งประเทศล้วนบรรลุธรรม

บรรลุในความไม่ประสีประสา

ไม่ว่าในเรื่อง “ล็อกดาวน์” เมื่อเดือนเมษายน 2563 ไม่ว่าในเรื่องแผนงานตระเตรียม “วัคซีน” ซึ่งเข้าลักษณะ “แทงม้าตัวเดียว”
เมื่อปะทะเข้ากับ “ไทยคู่ฟ้า คลับ” ก็เรียบร้อย

พลันที่ปรากฏการณ์ “ขอคนละชื่อ รื้อระบอบประยุทธ์” บังเกิด พลันที่ปรากฏการณ์ “หมอไม่ทน” บังเกิด ปัญหาที่หมักหมมมาต่อเนื่องก็โผล่

นี่ย่อมเป็นสถานการณ์ “เบิกเนตร”

และเมื่อปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้นในท่ามกลางความเดือดร้อนทั้งในทาง “โรคระบาด” ทั้งในทาง “เศรษฐกิจ” ซึ่งแพร่กระจายขายตัวอย่างกว้างขวาง

ความเชื่อถือ ความไว้วางใจก็จะค่อยๆ หมดไป จนไม่เหลืออยู่เลย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image