หากถามว่า “สถานการณ์” ใดที่กลายเป็น “ปัจจัย” ทำให้ศึกการเมืองระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับภายในพรรคพลังประชารัฐแปรเปลี่ยน
คำตอบเด่นชัดว่ามาจาก “การปลด”
ก่อนสถานการณ์ในวันที่ 8 กันยายน ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นดำรงอยู่ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
รูปธรรมคือ “แถลง” จาก 2 ฝ่าย
แต่แล้วเมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกโรงเล่นบท “พี่ใหญ่” ทำความเข้าใจระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ป่ารอยต่อ
ทุกอย่างก็ “จบ”
แต่พลันที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯประกาศให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้นจากรัฐมนตรี
นั่นแหละคือ การตัดสินใจที่ “ผิดพลาด”
โดยโครงสร้างแห่ง “อำนาจ” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นนายกรัฐมนตรีสามารถใช้อำนาจตามมาตรา 171 มาจัดการได้
เพราะเป็น “พื้นที่” แห่ง “คณะรัฐมนตรี”
แต่ก็มีปัจจัยอีก 2 ปัจจัยสำคัญในทางการเมือง ปัจจัย 1 คือ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมีการทำความเข้าใจ มีการขอโทษและปฏิบัติตามข้อตกลงแล้ว
เห็นได้จากเสียงของพรรคพลังประชารัฐ ไม่มี “แตกแถว”
อีกปัจจัย 1 ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดก็คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นเลขาธิการพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นเหรัญญิกพรรค
เมื่อมองจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงละเอียดอ่อน
ความละเอียดอ่อนนี้บังเกิดขึ้นหลังจากมีการเจรจาทำความเข้าใจโดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวเรือในฐานะของ “พี่ใหญ่”
กระนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่ยอมจบ
ขณะเดียวกัน กระบวนการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้จะมี “อำนาจ” อยู่ในมือ แต่ก็มิได้มีการปรึกษาหารือ
เท่ากับมองข้าม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไป
ไม่ว่าจะมองจากรากฐานที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะมองจากรากฐานที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น “พี่ใหญ่”
ลักษณะมองข้าม ความหมายก็คือ “ไม่เห็นหัว”
ตรงนี้เองที่ทำให้ความขัดแย้งแปรเปลี่ยนจากระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มาเป็นกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
นี่คือผลอัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นึกไม่ถึง
การเดินหมากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อกรณีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จึงมากด้วยความละเอียดอ่อนและอ่อนไหว
และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็มีความไหวตัวอย่างสูง
เห็นได้จากกำแพงอันเกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ ไม่เพียงแต่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หากแต่ยังมี พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา
โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แอบไปอยู่ “แนวหลัง” อย่างฉับไว
