| ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
|---|
คอลัมน์หน้า 3 : เส้นทาง เลือกตั้ง ‘เพื่อไทย’ ยึดอันดับ 1 ผู้ชนะ ตลอดกาล
การดำรงอยู่ของ “กลุ่มแคร์ คิด เคลื่อนไทย” ได้รับการจัดวางในลักษณะเปรียบเทียบกับการดำรงอยู่ของ “นปช.”
นั่นก็คือ เป็นกลยุทธ์ในการ “เดิน 2 ขา”
ขาหนึ่งเป็นพรรคการเมือง นั่นก็คือ พรรคเพื่อไทย ขาหนึ่งเป็นบทบาทในลักษณะคู่ขนานเพื่อรองรับและเสริมบทบาทของพรรคการเมือง
ก่อนและหลังเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม 2554 อาจเป็นเช่นนั้น
และอย่าได้แปลกใจที่เมื่อประสบความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 จึงเกิดกลยุทธ์ในลักษณะคล้ายคลึงกัน
นั่นคือ การเดินสายทางการเมืองของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
กระทั่ง เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็เกี่ยวแขน นายถาวร เสนเนียม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ออกมาจัดตั้ง “กปปส.” ขึ้น
เป็นองค์กรลักษณะเดียวกันกับ “นปช.”
หากเปรียบเทียบ “แคร์ คิด เคลื่อนไทย” ไปวางเรียงอยู่เคียงข้างกับ “นปช.” คำถามก็คือ เหตุใดจึงไม่ใช้บริการของ “นปช.”
คำตอบก็คือ นปช.ก็คล้ายกับ กปปส.
นั่นก็คือ ในสถานการณ์หนึ่งบทบาทของ กปปส.อาจโดดเด่นมากด้วยพลัง ในสถานการณ์หนึ่งบทบาทของ นปช.อาจโดดเด่นมากด้วยพลัง
แต่เมื่อเข้าสู่อีกสถานการณ์หนึ่งก็หมดความจำเป็น
เห็นได้ชัดจากกรณีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกลายเป็นพรรคการเมืองใหม่ กปปส.แปรเป็นพรรครวมพลังประชาชาติไทย
นปช.ในสถานการณ์ปัจจุบันอาจ “ล้าสมัย” และหมดความจำเป็น
บทบาทของ “แคร์ คิด เคลื่อน ไทย” จึงคึกคักมากกว่า และสอดรับกับการปรากฏตัวผ่านช่องทางคลับเฮาส์ของ โทนี่ วู้ดซัม
จึงไม่ต้องใช้บริการของ นายจตุพร พรหมพันธุ์
ต้องยอมรับว่ากงล้อทางการเมืองของ “นักเคลื่อนไหว” เป็นไปตามความจำเป็นของแต่ละสถานการณ์อย่างมิอาจปฏิเสธได้
ไม่ว่าจะเป็น “นปช.” ไม่ว่าจะเป็น “กปปส.”
อย่าได้แปลกใจหากแกนนำหลายคนของ “แคร์ คิด เคลื่อน ไทย” จะสไลด์เข้าไปมีบทบาทในการสร้างรูปลักษณ์ใหม่ให้กับพรรคเพื่อไทย
เพราะรากฐานของ “แคร์” มาจากไทยรักไทย พลังประชาชน
ไม่ว่าจะเป็น นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ไม่ว่าจะเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย ไม่ว่าจะเป็น นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช
เมื่อขับเคลื่อนผ่าน “แคร์” ระยะหนึ่งก็มีความจำเป็น
เพราะว่าผลสะเทือนจาก “แคร์” มิใช่หรือที่ก่อให้เกิดการขยับ ปรับเปลี่ยนภายในพรรคเพื่อไทยอย่างคึกคัก
รูปธรรมก็คือ จากที่ประชุมใหญ่ขอนแก่น
แม้จะได้ชื่อว่าอยู่ในไฟลั่มของ “พรรคสภา” เน้นการเลือกตั้งเป็นใหญ่ แต่พรรคเพื่อไทยก็มีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลง
แสดงความโดดเด่นในพื้นที่ “การเลือกตั้ง”
สร้างความหวาดหวั่นให้ไม่เพียงแต่กับพรรคพลังประชารัฐ หากแต่พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ก็มิอาจประมาทพรรคเพื่อไทยได้
บนเส้นทาง “เลือกตั้ง” พรรคเพื่อไทยจึงครองอันดับ 1
