| ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
|---|
คอลัมน์หน้า 3 : อนิจจัง การเมือง ของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่าน กรรมาธิการ
ไม่ว่าการชู นายสาธิต ปิตุเตชะ เพื่อสยบก้าวย่างของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ผ่านตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการจะมาจาก “สมองก้อนโต” ใด
ก็ต้องยอมรับว่า “แหลมคม”
แหลมคมเพราะว่า แม้จะเป็นการต่อสู้ หักเหลี่ยม ชิงคมในทางการเมือง แต่ก็เป็นการเมืองที่ดำรงอยู่ “ภายใน” ของรัฐบาล
เหมือนกับ “รุนแรง” แต่ก็ “นุ่มนวล”
อาจส่งผลทำให้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ไม่อาจเก็บ “อาการ” ในลักษณะซ่อนเร้น งำประกาย แต่ก็ยังสามารถปลอบประโลมได้
เพราะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ยังยอมรับ
ต้องยอมรับในความละเอียดอ่อน ต้องยอมรับในแต่ละจังหวะก้าวที่ได้รับการจัดวางอย่างเหมาะสมก่อนการลงมติ “ลับ”
เหมือนกับเป็น “ความเงียบ” แต่มากด้วย “การเคลื่อนไหว”
ทำไม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จึงสงบนิ่งเมื่อประสบเข้ากับถามตรงจากนักข่าว
1 เพราะสถานะของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน
เนื่องจากการดำรงอยู่ในสถานะแห่ง “กรรมาธิการ” ของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน มิได้มาจากพรรคพลังประชารัฐ
หากแต่อยู่ในสัดส่วนของ “ครม.”
เห็นได้จากคนที่เสนอชื่อ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เข้าชิงตำแหน่ง “ประธาน” เป็น นายสมชาย แสวงการ เพื่อนเก่าตั้งแต่อยู่ใน “กลุ่ม 20 ส.ว.”
กระนั้น 1 ความแหลมคมยิ่งอยู่ที่การเสนอชื่อ นายสาธิต ปิตุเตชะ
มิได้เป็นการเสนอจากพรรคประชาธิปัตย์ หากแต่เป็นการเสนอจาก นายเกษมสันต์ มีทิพย์ ซึ่งเป็น “งูเห่า” จากพรรคก้าวไกลที่อยู่ใน “ภูมิใจไทย”
นี่คือความแยบยลยิ่งของ “แผนการ”
สภาพที่ปรากฏออกมาผ่านการลงคะแนนเสียง 21 ต่อ 22 เป็นชัยชนะของ นายสาธิต ปิตุเตชะ ที่เหนือกว่า นายไพบูลย์ นิติตะวัน
คือ เสียงชี้ขาดอันมาจาก “ฝ่ายค้าน”
แต่ภายในจำนวน 22 เสียงที่กำชัยไปอย่างเฉียดฉิว เป็นคะแนนจากพรรคภูมิใจไทย เป็นคะแนนจากพรรคประชาธิปัตย์
ถามว่า ความหมายที่ลึกซึ้งคืออะไร
คือ การร่วมมือกันระหว่างพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา กับพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างเป็นเอกภาพ
ปัดปฏิเสธ นายไพบูลย์ นิติตะวัน อย่างตรงไปตรงมา
อาจสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับ นายไพบูลย์ นิติตะวัน และพวก แต่ผลสะเทือนที่ตามมาโดยอัตโนมัติคือ ความไม่แน่นอน
เป็นความหวั่นไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ความหวั่นไหวในที่นี้ มิได้จำกัดเพียงภายในเส้นทางการกำหนดรายละเอียดของการเลือกตั้งเท่านั้น หากแต่ส่งผลถึง 260 เสียงที่อยู่ในมือ
เนื่องจากดำเนินไปอย่างเป็น “อนิจจัง”
เป็นอนิจจังไม่ว่าจะมองจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะมองจากพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะมองจากพรรคประชาธิปัตย์
นี่คืออนิจจังแห่งอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
