ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
คําปราศรัยของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในงาน “90 ปี 24 มิถุนายน 2475” ซึ่งจัดโดยมูลนิธิปรีดี พนมยงค์ กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างสูง
ไม่ว่าจาก “ทำเนียบรัฐบาล” ไม่ว่าใน “เพื่อไทย”
เพราะไม่เพียงแต่เป็นการเชื่อมระหว่างสถานการณ์เมื่อเดือนมิถุนายน 2475 เข้ากับสถานการณ์ในเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553
หากยังประสานเข้ากับการเคลื่อนไหวตลอดปี 2563 อีกด้วย
ความน่าสนใจอยู่ที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อาจได้รับเชิญให้ไปกล่าวคำปราศรัยในฐานะที่เป็นเลขาธิการของ “นปช.”
แต่อย่าลืมตำแหน่งใหม่ของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
นั่นก็คือ การดำรงตำแหน่งเป็น ผู้อำนวยการ “ครอบครัวเพื่อไทย” ยืนเรียงอยู่เคียงกับเงาร่างของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
นี่ย่อมเป็น “กระดานหก” ในทาง “ความคิด”
บนเวทีแห่งการปราศรัย ณ หอประชุมศรีบูรพา แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ท่าพระจันทร์ เดียวกันกับของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มีอย่างน้อย 2 คนขึ้น “เวที”
1 ก็คือ นางพวงทอง ภวัครพันธุ์ จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 1 ก็คือ นายรังสิมันต์ โรม จากพรรคก้าวไกล
2 คนนี้ระบุถึง “นปช.” ระบุถึง “ราษฎร”
2 คนนี้เสนออย่างแหลมคมยิ่งให้รัฐบาลไทยลงนามและเข้าร่วมศาลการเมืองระหว่างประเทศเพื่อให้มีการพิจารณาคดีสำคัญทางการเมือง
โดยเฉพาะเหตุการณ์เดือนเมษายน พฤษภาคม 2553
นี่จึงไม่เพียงแต่จะเป็นการสื่อสารอันกระทบโดยตรงไปยัง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในฐานะเลขาธิการ นปช.
หากเท่ากับถามว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คิดอย่างไร
ต้องยอมรับว่าการเข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ “ครอบครัวเพื่อไทย” มาจากรากฐานและจุดมุ่งหมายสำคัญทางการเมือง
1 เพื่อดึง “คนเสื้อแดง” กลับเข้าสู่ “เพื่อไทย”
1 เพื่อให้กระบวนการขับเคลื่อนทั้งหมดนำไปสู่การบรรลุ “ยุทธศาสตร์” ทางการเมือง นั่นก็คือ
ได้รับเลือกตั้งอย่างชนิด “แลนด์สไลด์”
ถามว่าจะ “ดึง” เอา “เสื้อแดง” มาได้อย่างไร
แม้โดยพื้นฐาน “คนเสื้อแดง” มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นอยู่กับพรรคเพื่อไทยมาอย่างยาวนาน จึงไม่ยากที่จะเป่าหมู่เทวฤทธิ์
แต่คำถามคือ พรรคเพื่อไทยจะสนองต่อ “คนเสื้อแดง” อย่างไร
บทบาทของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในฐานะ “ผู้อำนวยการ” ครอบครัวเพื่อไทย จึงอยู่ที่การเป็นสะพานเชื่อมในทางความคิด
เข้าไปมีส่วนกำหนด “นโยบาย” และ “ทิศทาง” ในทางการเมือง
พ รรคเพื่อไทยในฐานะที่เป็นพรรคอันดับ 1 เป็นแกนนำสำคัญของพรรคฝ่ายค้านจึงต้องดำรงสถานะแห่งการเป็น “ผู้นำ” ในทาง “ความคิด” ในทาง “การเมือง”
ไม่เพียงแต่ต้องแสดงความแจ่มชัดต่อชะตากรรมของ “คนเสื้อแดง” หากแต่ต้องแสดงความแจ่มชัดต่อชะตากรรมของ “คนรุ่นใหม่”
คำตอบจาก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จึงทรงความหมาย