คริปโทเคอร์เรนซี เป็นของใหม่สำหรับนักลงทุน แต่การลงทุนนี้มีผลตอบแทนค่อนข้างสูง จูงใจให้บรรดานักลงทุนด้านการเงินทั้งหลายเสี่ยง โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมขบวนการหลอกลวงนักลงทุน และกำลังติดตามจับกุมผู้เกี่ยวข้อง เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ นายณัฎฐพล อัศวชมพูนุช กรรมการสมาคมไทยบล็อกเชน และกรรมการบริษัท คอยน์ แอสเซท จำกัด เปิดเผยว่า จากกรณีที่ปรากฏข่าวเรื่องการลงทุนในดราก้อนคอยน์ มักจะใช้ผู้มีชื่อเสียงเป็นคนลงทุน โดยก่อนหน้าดราก้อนคอยน์เคยเข้าประเทศไทยมาแล้ว มีการถ่ายรูปกับผู้มีชื่อเสียง และพบว่ามีการใช้เหรียญในบ่อนการพนัน ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องศึกษาข้อมูลให้ดี
สำหรับองค์ประกอบที่สมควรนำมาพิจารณา นายณัฎฐพลแนะนำไว้ 3 ข้อ ได้แก่ 1.ต้องพิจารณาลักษณะธุรกิจว่านำเงินจากการระดมทุนไปทำอะไร เป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ เพราะนี่เป็นเงินที่อยู่ต่างประเทศ ก.ล.ต.ไม่มีสิทธิตรวจสอบ ผู้ลงทุนต้องตรวจสอบเอง 2.ต้องพิจารณาทีมงานและที่ปรึกษาโครงการว่าเป็นใคร มีชื่อเสียงในระดับประเทศหรือระดับโลกอย่างไรบ้าง และ 3.ต้องพิจารณาว่าการทำโครงการผ่านมาตรฐานที่เกี่ยวกับธุรกิจมากน้อยแค่ไหน เช่น ซื้อขายในไทยต้องผ่านการรับรองจาก ก.ล.ต.แล้ว มีมาตรฐานผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ไอซีโอ พอร์ทอล) หรือหากทำธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ก็มีมาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ (ไอเอสโอ) 27001 ซึ่งน่าจะลงทุนจริง
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลสถิติที่เตือนใจนักลงทุนกรณีคริปโทเคอร์เรนซีว่า ภาพรวมการออกไอซีโอในไทย 80% เป็นไอซีโอที่ล้มเหลว และแบ่งเป็น 60% ที่เป็นไอซีโอที่ฉ้อโกงประชาชน มีประมาณ 20% ที่มีการลงทุนจริงๆ และมีน้อยมากที่ประสบความสำเร็จ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่มาก แต่เป็นเรื่องที่กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนมาก ดังนั้น ทุกคนจึงต้องระมัดระวัง ต้องศึกษาหนังสือชี้ชวนเช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้น ขณะที่ภาครัฐเองต้องหามาตรการควบคุมที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นประกาศ หรือกฎหมาย ต้องเร่งดำเนินการเพื่อคุ้มครองสุจริตชนที่เข้าไปลงทุนมิให้เพลี่ยงพล้ำต่อมิจฉาชีพในวงการ
