สาเหตุที่โอซามา บิน ลาเดน ก่อให้เกิดวินาศกรรม 9/11 โดย : โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

ในวันที่ 11 กันยายนของทุกปีที่สหรัฐอเมริกาต้องมีการจัดงานพิธีไว้อาลัยอย่างเป็นทางการที่ยิ่งใหญ่โดยมีประธานาธิบดีต้องเข้าร่วมเป็นประจำเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ 17 แล้ว เหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 (ไนน์วันวัน) นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ.2544 เป็นการโจมตีพลีชีพที่ประสานงานกัน 4 ครั้ง ในนครนิวยอร์กและพื้นที่วอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 โดยผู้ก่อการร้าย 19 คนของกลุ่มอัลเคด้าเข้ายึดเครื่องบินโดยสาร 4 ลำ โดยบังคับเครื่องบิน 2 ลำพุ่งชนตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนครนิวยอร์กอย่างมุ่งมั่น และอาคารทั้งสองถล่มลงภายใน 2 ชั่วโมง ส่วนเครื่องบินลำที่ 3 พุ่งเข้าชนอาคารเพนตากอน ที่ตั้งกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ในเมืองอาร์ลิงตัน มลรัฐเวอร์จิเนีย ส่วนเครื่องบินลำที่ 4 ตก ก่อนถึงเป้าหมายที่ผู้ก่อการร้ายต้องการพุ่งชนคืออาคารรัฐสภาสหรัฐ ในวอชิงตัน ดี.ซี. เนื่องจากผู้โดยสารได้พากันต่อสู้ยึดเครื่องบินกลับคืนทำให้เครื่องบินตกลงในทุ่งนาใกล้กับเมืองแชงค์วิลล์ มลรัฐเพนซิลเวเนีย ในการโจมตีของปรากฏการณ์ 9/11 ครั้งนี้มีคนตายทั้งหมด 2,996 คน แบ่งเป็นผู้ก่อการร้าย 19 คนและเหยื่อ 2,977 คน

หลังจากเหตุการณ์ 9/11 ทางสหรัฐก็ทำการสืบสวนสอบสวนอย่างจริงจึงพบว่าหัวหน้าใหญ่ของการปฏิบัติการ 9/11 ครั้งนี้คือนายโอซามา บิน ลาเดน เศรษฐีชาวซาอุดีอาระเบียผู้ลี้ภัยไปอยู่อัฟกานิสถาน โดยใช้ผู้ก่อการร้าย 19 คนซึ่งเป็นชาวซาอุฯถึง 15 คน ส่วนที่เหลืออีก 4 คนมาจากประเทศอาหรับต่างๆ

โอซามา บิน ลาเดน เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2500 เป็นลูกคนที่ 17 จากทั้งหมด 57 คนของมหาเศรษฐีผู้รับเหมาก่อสร้างที่สนิทชิดเชื้อกับราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย ร่ำรวยขึ้นจากการรับเหมาก่อสร้างถนนทั่วซาอุฯ เมื่อบิน ลาเดน อายุได้ 13 ปี พ่อของเขาก็ได้เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุทางเครื่องบิน ทำให้เขาได้รับมรดกประมาณ 20-25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลให้เขากลายเป็นเศรษฐีตั้งแต่วัยรุ่น

โอซามา บิน ลาเดน เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยคิง อับดุล อาซิซ และได้ตัดสินใจเข้าร่วมขบวนการต่อต้านสหภาพโซเวียตที่เข้ายึดครองอัฟกานิสถานตั้งแต่ พ.ศ.2522 โดยร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสหรัฐ ซึ่งเขาได้สนับสนุนเงินจำนวนมหาศาลให้กับขบวนการนี้ รวมถึงยังร่วมรบกับนักรบมูจาฮีดีน (นักรบศาสนา) ในสมรภูมิต่อสู้กับกองทัพโซเวียตอีกด้วย และในช่วงเวลานี้เองที่บิน ลาเดน ได้จัดตั้งกลุ่มอัลเคด้าขึ้นโดยรวบรวมกลุ่มนักรบอาหรับที่ต่อสู้กับโซเวียตเมื่อครั้งนั้นโดยมีบิน ลาเดน
เป็นผู้นำของอัลเคด้า เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สหภาพโซเวียตถอนตัวออกจากอัฟกานิสถานไปใน พ.ศ.2532 ที่สุดทำให้บิน ลาเดน ภูมิใจและมั่นใจในความสามารถในการรบของนักรบอาหรับอัลเคด้าเป็นอันมาก

Advertisement

เมื่อ พ.ศ.2533 กองทัพอิรักเข้ายึดคูเวต จนนำไปสู่สงครามอ่าวเปอร์เซีย บิน ลาเดน ได้เข้าพบและขอให้กษัตริย์ซาอุดีอาระเบียใช้กองกำลังจากอัลเคด้าเพื่อป้องกันประเทศจากการคุกคามจากอิรัก แต่กษัตริย์ซาอุดีอาระเบียกลับตกลงให้ทหารอเมริกันมาตั้งฐานทัพในดินแดนซาอุดีอาระเบียเพื่อบุกโจมตีอิรักต่อไป ซึ่งทำให้บิน ลาเดน โกรธมากเนื่องจากเขาถือว่าดินแดนซาอุฯไม่ควรมีทหารนอกศาสนามาตั้งอยู่ เนื่องจากเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด 2 แห่งของศาสนาอิสลาม คือ มักกะห์ เมืองที่ศาสดามะหะหมัดถือกำเนิดและเป็นที่ตั้งของกะบะห์ที่นบีอิบรอฮีมและอิสมาอีลบุตรชายของท่านสร้างขึ้นตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการเคารพสักการะพระองค์ และเมดินะห์ เมืองที่ศาสดามะหะหมัดหนีศัตรูไปตั้งตัวเพื่อเผยแผ่ศาสนาอิสลาม ซึ่งปีที่ศาสดาหนีมาที่เมดินะห์นั้นถือว่าเป็นการเริ่มศักราชฮิจเราะห์ (ฮ.ศ.ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ พ.ศ. หรือ ค.ศ. นั่นเอง) คือปีของอิสลามที่เริ่มต้นนั่นเอง

หลังจากสหรัฐชนะสงครามอ่าวเปอร์เซียแล้ว กองทัพอเมริกัน ก็ยังคงกองกำลังอยู่ในซาอุฯต่อไป ทำให้บิน ลาเดน ยิ่งแค้นมากขึ้นเพราะเห็นว่ากองทัพสหรัฐซึ่งเป็นคนนอกศาสนา ลบหลู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโลกมุสลิม เขาจึงประกาศสงครามศาสนา (ญิฮาด) กับสหรัฐ โดยบิน ลาเดน ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์ซาอุดีอาระเบียอย่างสาดเสียเทเสีย พร้อมกับแสดงความเคียดแค้นกับเหตุการณ์ที่มีกองทัพของคนนอกศาสนามาอยู่บนดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ จนรัฐบาลซาอุดีอาระเบียถึงกับถอนสัญชาติของบิน ลาเดน

เมื่อไม่ได้มีสัญชาติซาอุดีอาระเบียอีกต่อไปแล้ว บิน ลาเดน ได้ย้ายไปอยู่ที่ซูดานใน พ.ศ.2534 แต่อยู่ซูดานได้เพียง 5 ปีเท่านั้น สหรัฐก็บีบรัฐบาลซูดานให้เนรเทศบิน ลาเดน ออกจากประเทศ บิน ลาเดน จึงกลับไปอัฟกานิสถานโดยได้รับการต้อนรับอย่างดีจากกลุ่มนักรบทาลิบัน (นักศึกษาศาสนา) ซึ่งสามารถยึดครองอัฟกานิสถานได้ทั้งหมดโดยรบชนะพวกมูจาฮีดีนทุกกลุ่ม ทำให้บิน ลาเดน แห่งกลุ่มอัลเคด้ากลายเป็นพวกเดียวกับทาลิบันไปในที่สุด เขาจึงเริ่มต้นวางแผนวินาศกรรมที่ตึกเวิลด์เทรดครั้งแรก ใน พ.ศ.2536 เป็นการขับรถบรรทุกระเบิดวิ่งเข้าชนตึกเวิลด์เทรด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 6 คนและบาดเจ็บร่วม 1,000 คน ทางการสหรัฐทราบดีว่า บิน ลาเดน ตั้งตัวเป็นศัตรูของสหรัฐมาโดยตลอดจึงสามารถเชื่อมโยงเหตุระเบิดตึกเวิลด์เทรดได้ว่าเป็นฝีมือของบิน ลาเดน และต่อมา บิน ลาเดน ยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยในอีกหลายๆ เหตุการณ์ เช่น เหตุระเบิดที่หมู่บ้านจัดสรรที่ชาวอเมริกันอยู่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย พ.ศ.2538, เหตุระเบิดฐานทัพอเมริกันที่หอคอยโคลบา ซาอุดีอาระเบีย ใน พ.ศ.2539, เหตุระเบิดสถานทูตสหรัฐในเคนยา และแทนซาเนีย พ.ศ.2541, เหตุระเบิดพลีชีพโจมตีเรือรบอเมริกันนอกชายฝั่งเยเมน ใน พ.ศ.2543, และเหตุวินาศกรรมครั้งสำคัญ นั่นคือ เหตุการณ์ 9/11 นั่นเอง

Advertisement

จากเหตุวินาศกรรม 9/11 ครั้งนี้ ทำให้ทางการสหรัฐติดต่อขอตัวบิน ลาเดน จากกลุ่มทาลิบันเพื่อดำเนินคดี แต่ไม่มีการส่งตัวบิน ลาเดน แต่อย่างใด ในที่สุดสหรัฐจึงทำสงครามในอัฟกานิสถาน ทำให้กลุ่มทาลิบันก็ล่มสลาย และบิน ลาเดน ก็หายตัวไป แต่ในระหว่างที่เขาหายตัวไปนั้น บิน ลาเดน ได้ใช้เทปบันทึกเสียงในการประณามสหรัฐ และปลุกระดมให้มุสลิมทั่วโลกต่อต้านสหรัฐ และทำสงครามทางศาสนากับสหรัฐ ส่วนใหญ่ผ่านทางสถานีโทรทัศน์อัลจาซีรา ซึ่งอยู่ในประเทศกาตาร์

แม้ว่า บิน ลาเดน จะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของสหรัฐ แต่สำหรับโลกมุสลิมแล้ว บิน ลาเดน คือวีรบุรุษผู้เก่งกาจกล้าหาญตัวจริง จึงมีผู้ศรัทธาและมีเครือข่ายการก่อการร้ายร่วมมือกับอัลเคด้าไม่น้อย และก่อเหตุระเบิดหลายแห่งตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่บิน ลาเดน หายตัวไป

ในที่สุดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2554 หน่วยซีล (ชุดปฏิบัติการพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐ) ก็สามารถบุกเข้าสังหารบิน ลาเดน ได้สำเร็จที่เมืองแอบบอตทาบัดทางตอนเหนือของปากีสถาน แต่ดูเหมือนว่าแม้ปราศจากบิน ลาเดน แล้วก็ไม่ทำให้การก่อการร้ายสิ้นสุดเพราะเครือข่ายของพันธมิตรของบิน ลาเดน และกลุ่มอัลเคด้าก็ยังไม่หายไปไหนนั่นเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image