ว่าด้วยกัญชา : โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผู้เขียนได้ไปอภิปรายในงานเสวนาวิชาการเรื่อง “เมื่อปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด : ปัญหาหรือโอกาสของสังคมไทย” ที่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นคนรุ่นเก่า (คนแก่) ที่เคยอยู่ในสังคมไทยที่กัญชายังไม่ได้ผิดกฎหมายเนื่องจากกัญชาเพิ่งถูกบรรจุเข้าอยู่ในบัญชียาเสพติดเมื่อ พ.ศ.2522 นี่เอง

ครับ! ผู้เขียนสนุกจริงๆ ที่ได้มีโอกาสเสวนาเรื่องการใช้กัญชาเมื่อสมัยก่อน พ.ศ.2522 ว่าการปรุงอาหารที่มีรสชาตินี่ต้องใส่กัญชาครับ เช่น แกงเผ็ดไก่อย่างนี้ ถ้าใส่กัญชาเข้าไปแล้วก็กินกันแบบขอดหม้อกันเลยละ ส่วนก๋วยเตี๋ยวก็ใส่กัญชาดีนะครับ แบบว่าเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งเลยทีเดียว

ส่วนการสูบกัญชาก็มีพิธีรีตรองต้องมีมีดหั่นกัญชา มีเขียงเล็กๆ มีบ้องกัญชาประดับเหรียญตราต่างๆ เวลาสูบก็มีขนมประเภททองหยิบ ทองหยอดกินแกล้มให้สุนทรีย์ คนสูบกัญชานี่มักมีอารมณ์ขันครับหัวเราะร่วนไปเลยและออกจะมีความขี้ขลาดขี้กลัวกลายเป็นคนไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรเลย

น้ำมันกัญชาเอามาผสมกับน้ำมันมะพร้าวใช้หยอดใต้ลิ้นนี่เป็นยาสารพัดชนิดเลยนะครับ ซึ่งก็มีการอ้างอิงว่าเป็นยาลดความเครียดทำให้นอนหลับดีและโรคซึมเศร้าที่เป็นกันมากในปัจจุบันก็มีการอ้างอิงว่าเอาอยู่นะครับ นี่ยังมิได้อ้างอิงจากการพิสูจน์ทางการแพทย์ที่ยืนยันแล้วว่ากัญชาเป็นตัวยาสำคัญที่บรรเทาอาการเจ็บปวดทรมานจากโรคมะเร็ง และกัญชาสามารถรักษาอาการลมชักได้อย่างชะงัดด้วย

Advertisement

ผู้เขียนได้สรุปในการเสวนาว่าสาเหตุที่กัญชาถูกขึ้นบัญชีเป็นยาเสพติดก็เนื่องจากในช่วงที่นายริชาร์ด นิกสัน ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาอยู่ในช่วง พ.ศ.2512-2517 ซึ่งเป็นช่วงที่คนหนุ่มคนสาวอเมริกันออกมาเดินขบวนต่อต้านสงครามเวียดนามกันอย่างกับงานมหกรรม เนื่องจากเป็นสงครามของคนแก่แต่ดันเกณฑ์เด็กอายุ 18 ปีไปรบนอกประเทศ ตายกันเยอะแยะ และคนหนุ่มคนสาวอเมริกันทั้งขาวทั้งดำนั่นแหละระหว่างเดินขบวนก็สูบกัญชากัน ซึ่งรัฐบาลนิกสันเลยโมเมยัดกัญชาเข้าเป็นยาเสพติดด้วยเลย ทั้งๆ ที่เหล้า บุหรี่เป็นยาเสพติดร้ายแรงกว่ากัญชาชัดๆ ก็เพื่อที่จะได้จับกุมพวกเดินขบวนต่อต้านสงครามเวียดนามไปเข้าคุกได้สะดวกเท่านั้นเอง

อีทีนี้รัฐบาลไทยเรานิยมเดินตามอเมริกาอยู่แล้วก็เลยเอาบ้างโดยการประกาศให้กัญชาเป็นยาเสพติดเสียเลย ใน พ.ศ.2522 นั่นเอง ดังนั้น หากรัฐบาลไทยจะปลดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดก็เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

วันรุ่งขึ้น (ที่ 11 ตุลาคม) ผู้เขียนก็เดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อที่จะนั่ง (นอน) บนรถไฟจากเมืองซานฟรานซิสโกไปนิวยอร์ก แบบว่าแก่แล้วอยากดูอเมริกาทางรถไฟโดยแวะลงที่เมืองเดนเวอร์ มลรัฐโคโลราโดและเมืองชิคาโก มลรัฐอิลลินอยส์ เพื่อแวะเยี่ยมมหาวิทยาลัย 2 แห่งที่มีประวัติความหลังส่วนตัวกับ
ผู้เขียน ซึ่งโดยบังเอิญแท้ๆ ที่มลรัฐโคโลราโดได้อนุญาตให้มีการปลูกกัญชาและขายกัญชา กับการบริโภคกัญชาได้โดยเสรีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2557

Advertisement

ผู้เขียนเลยสัมภาษณ์เชิงพูดคุยกับคนอเมริกัน 10 กว่าคนเกี่ยวกับสภาพทางเศรษฐกิจที่มีผลสืบโยงจากการปล่อยกัญชาเสรีของรัฐโคโลราโด ซึ่งก็มีคำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจเฟื่องฟูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เมืองเดนเวอร์ที่มีการก่อสร้างขนาดใหญ่หลายแห่งและบริษัทไฮเทคต่างๆ พากันย้ายเข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่ที่เมืองเดนเวอร์กันเป็นแถว คาดว่าคงเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาคนงานหนุ่มสาวไฮเทคที่นิยมกัญชานั่นเอง

แต่ก็มีผลเสียตามมาในเรื่องนี้เช่นกันโดยค่าครองชีพสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่อาศัยเนื่องจากค่าเช่าห้องพักสูงขึ้นมากจนคนทำงานทั่วไปมีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยมากและมีผู้ไร้บ้านจำนวนมากขึ้นจนน่าตกใจ

ครับ! การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างย่อมมีผลกระทบต่อบุคคลต่างๆ ทั้งบวกและลบเป็นธรรมดา แต่การที่รัฐบาลไทยจะปลดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดนั้นโดยส่วนตัวผู้เขียนเห็นด้วยเพราะเชื่อว่าจะเกิดผลบวกมากกว่าลบอย่างแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image