ศึกครั้งสุดท้าย ทักษิณ คสช. เข้มข้นทุกแนวรบ

สมราคาของการประกาศจากทั้งสองฝ่าย

ว่าการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นนี้ เปรียบเหมือน

“สงครามครั้งสุดท้าย”

เพราะเมื่อเป็นศึกตัดสินผลแพ้ชนะ อันหมายถึงอนาคตและชะตากรรมของตัวเอง

Advertisement

ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ อุบาย หรือความสามารถใด

ย่อมต้องงัดออกมาใช้ทุกรูปแบบ

ดังนี้

Advertisement

ฝั่งหนึ่ง

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งปรากฏตัว ณ เกาะฮ่องกง เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

เพื่อพบปะกับแกนนำและอดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยจำนวนนับสิบราย

ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค สื่อของญี่ปุ่น ถึงการเลือกตั้งใหญ่ในประเทศไทยที่คาดว่าจะจัดขึ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2562 ว่า

การปกครองโดยทหารอาจถึงจุดจบ หากฝ่ายประชาธิปไตยได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรมากกว่า 300 ที่นั่ง

รัฐบาลจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่สามารถผ่านงบประมาณ และยังต้องเจอกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่วุฒิสภาไม่มีส่วนในการลงคะแนน

รัฐบาลก็จะล่มภายในไม่กี่สัปดาห์

คำสัมภาษณ์ดังกล่าวจะเป็นการปลอบใจลูกพรรค ปลุกใจตนเอง หรือคาดการณ์ตามจริงก็ตามที

แต่เหมือนการตีขนดหางพญานาค คสช.

22 ตุลาคม

สวนทางคำให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตอบผู้สื่อข่าวถึงเรื่องดังกล่าว ว่า

ขนาดนายทักษิณอยู่ต่างประเทศ ยังพูดถึงพรรคของเขาเลย

ถามว่าพูดแบบนั้นผิดหรือไม่ ก็ต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณา

แต่เราคงไม่ไปสั่ง กกต. เพราะเราสั่งเขาไม่ได้ ให้เขาทำของเขาเอง

แต่ถึงไม่สั่ง

โดยพลัน กกต.ก็ขานรับทันควันทันที

23 ตุลาคม

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานทั้งจากภาพถ่าย คลิป และข่าว รวมถึงความเห็นของบุคคลต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา

ทั้งนี้ การจะเข้าข่ายครอบงำพรรคหรือไม่นั้น กกต.จะพิจารณาว่าพรรคการเมืองนั้นขาดความเป็นอิสระในการดำเนินกิจกรรมหรือไม่

หากเข้าข่ายความผิด จะส่งผลให้พรรคการเมืองนั้นถูกยุบพรรค

แล้วฝ่ายที่ถูกยุบพรรคมาแล้วอย่างน้อยสองครั้ง

และถูกคาดหมายว่าอาจจะครบองค์สามได้โดยไม่ยากในครั้งนี้

มีปฏิกิริยาอย่างไร

พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค กล่าวถึงกรณี กกต.ตรวจสอบความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ว่าอาจจะเข้าข่ายครอบงำพรรคเพื่อไทย และอาจจะทำให้พรรคถูกยุบได้ ว่า

คงไม่มีอะไร เพราะนายทักษิณไม่ได้มีตำแหน่ง หรือเกี่ยวข้องกับทางพรรคเพื่อไทย

ส่วนการแสดงความคิดเห็นนั้น มองว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่รักและห่วงใยบ้านเมือง ซึ่งเป็นสิทธิของคนไทยทุกคน

ส่วนที่มีอดีต ส.ส.เดินทางไปพบที่ต่างประเทศนั้น อาจจะเป็นเพราะสมาชิกของพรรคบางคนที่ยังเคารพนับถือเป็นการส่วนตัว

การพบปะเยี่ยมเยือนนั้นเป็นการส่วนตัว ทางพรรคไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารพรรคก็พร้อมชี้แจงกับ กกต.

“พรรคเพื่อไทยมีความระมัดระวังอย่างมาก เพราะทราบว่าถูกจับจ้องอยู่

และขอยืนยันไม่มีการแตกพรรคย่อย หรือพรรคสาขา มีเพียงพรรคการเมืองเดียว

ส่วนจะจับขั้วกับพรรคการเมืองอื่นจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น ต้องดูผลคะแนนเสียงหลังการเลือกตั้งอีกที”

เมื่อถามว่า คิดเห็นอย่างไรกับกรณีที่ พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ระบุถึง “พรรคเขา-พรรคเรา”

พล.ต.ท.วิโรจน์กล่าวว่า ในความหมายของ พล.อ.ประวิตร คำว่าพรรคเราคงหมายถึงพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งก็เป็นพรรคที่พร้อมสนับสนุนรัฐบาลอยู่แล้ว

คิดว่าการเมืองใกล้ถึงช่วงเลือกตั้งก็คงเป็นเช่นนี้

เป็นเรื่องธรรมดา

ในภาวะ “สงครามครั้งสุดท้าย” ที่อะไรนอกเหนือความคาดหมายก็สามารถเกิดขึ้นได้

อย่าพลาดทุกความเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่าย

อย่าเผลอกะพริบตา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image