วีรพงษ์ รามางกูร : ไม่อยากจะเชื่อเลย

ภาพที่ได้เห็น หูที่ได้ยิน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หัวหน้าผู้ชุมนุม กปปส. ที่เริ่มจากผู้ชุมนุมเล็กๆ ที่สถานีรถไฟสามเสน แล้วย้ายมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อการชุมนุมใหญ่ขึ้น แล้วย้ายไปที่สนามหลวง

โดยเดินสายพร้อมกับผู้ถือถุงปุ๋ยเปล่า ที่คอมีนกหวีดคล้องด้วยริบบิ้นสีธงไตรรงค์ มีผู้เดินตามเป็นขบวนใหญ่ท่ามกลางอาซ้อ อาซิ้ม อาหมวย อาเฮีย อาตี๋ อาอึ้ม ผู้รักชาติทั้งหลาย มาร่วมกันขับไล่รัฐบาลในขณะนั้นโดยฝ่ายความมั่นคงประกาศเกียร์ว่าง วางตัวเป็นกลางเป็นอิสระจากรัฐบาล

ความยิ่งใหญ่ของผู้นำการชุมนุมฝ่ายฆราวาสนั้น เป็นที่ประจักษ์อย่างได้เคยปรากฏมาก่อน สามารถประกาศปิดกรุงเทพมหานครหรือที่เรียกว่า Shutdown Bangkok หลังจากกลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลืองประกาศปิดสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง แต่ก็ยังไม่ยิ่งใหญ่เท่า

ทันทีที่ประกาศ กรุงเทพฯก็เป็นอัมพาต การจราจรที่เคยติดขัดก็หายไปในพริบตา ถนนหนทางในกรุงเทพฯว่างเปล่า สถานที่ราชการ รวมทั้งสถานีวิทยุแห่งประเทศไทยและสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ถูกนักรบศรีวิชัยบุกเข้ายึดครอง และลั่นกุญแจไม่ให้ข้าราชการเข้าทำงาน แม้แต่หน่วยงานที่ต้องให้บริการแก่ประชาชน คนกรุงเทพฯเกือบหมดต้องกลับเข้าบ้าน ประจำอยู่ในเคหสถาน ที่แปลกในช่วงปิดกรุงเทพฯหรือ Shutdown Bangkok กรุงเทพฯสงบเงียบ ไม่มีโจรผู้ร้ายหรือการฉกชิงเลย ประชาชนเชื่อฟังคำสั่งของท่านหัวหน้าการชุมนุมหรือ กปปส.โดยดุษฎี ได้รับการยกย่องเป็นผู้กู้ชาติทั้งที่ชาติไม่มีอะไรต้องให้กู้

Advertisement

สถานการณ์สงบลงด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 รัฐบาลจากคณะรัฐประหารคงอยู่ในอำนาจบริหารประเทศมาจนถึงปัจจุบัน และทำท่าว่าจะอยู่ต่อไปหลังการเลือกตั้ง เพราะรัฐธรรมนูญปี 2560 ออกแบบไว้เช่นนั้น หากนายกรัฐมนตรีคนเดิมไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้งทั่วไปก็แสดงว่าแย่มาก ที่ทำมาทั้งหมด “เสียของ” ซึ่งเป็นตายก็ยอมไม่ได้

เมื่อผู้นำการชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเพื่อปูทางให้ทหารทำการปฏิวัติรัฐประหาร                 ตั้งพรรคการเมืองชื่อ “รวมพลังประชาชาติไทย” หรือพรรค ร.ป.ช. แล้วต้องเดินหาสมาชิก ปรากฏว่าภาพเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้า หลายแห่งไม่ให้เข้าร้าน หลายแห่งไม่ยอมรับใบสมัครเป็นสมาชิกพรรค  วันแรกได้ยินว่าเดินจากเช้าจรดเย็นได้สมาชิกเพียง 36 คน จนบัดนี้ยังไม่กล้าบอกจำนวนผู้สมัครเป็นสมาชิกได้

ที่ไม่เชื่อหู ที่ไม่เชื่อตา ไม่เชื่อที่เห็นจากสื่อก็คือ ผู้ที่มาเป็นหัวหน้าพรรคเป็นผู้ที่เคย “หยิ่งทะนงว่าทรงศักดิ์” แต่ต้องออกมายืนโค้งคำนับให้กับหัวหน้าผู้นำการชุมนุม เป็นภาพที่ “เหลือเชื่อ” ส่วนคำกล่าวที่ฟังไม่ค่อยเข้าใจเพราะภาษาไทยของท่านทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนไม่สู้จะแข็งแรงนัก ด้วยไม่ได้เติบโตในประเทศไทยและไม่ได้คลุกคลีกับคนชั้นล่างเท่าใดนักเพราะท่านฉลาดเกินกว่าจะมาคลุกคลีด้วยและทนคนโง่เป็นควายไม่ได้

Advertisement

ความสูงศักดิ์ของท่านนั้นสูงกว่าอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตหัวหน้าพรรคกิจสังคมด้วยซ้ำ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตหัวหน้าพรรคกิจสังคมนั้น แม้ว่าท่านจะจากประเทศไทยไปศึกษาที่ประเทศอังกฤษแต่เล็กแต่น้อย แต่ความเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของประชาชนนั้นเป็นที่ประจักษ์ เพราะท่านเป็นทั้ง    นักเขียน นักพูด ทั้งทางหนังสือพิมพ์และวิทยุ คนติดกันงอมแงมโดยเฉพาะอย่างยิ่งรายการ “เพื่อนนอน”  ทางวิทยุ นวนิยายหลายเรื่องที่สำคัญคือ “สี่แผ่นดิน” และ “กาเหว่าในบางเพลง” หรือ “หลายชีวิต” เป็นต้น

ท่านที่เป็นหัวหน้าพรรคกิจสังคมนั้นท่านเริ่มต้นด้วยการเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์แล้วก็อยู่ในวงการเมืองมาตลอด ทั้งในยามปฏิวัติรัฐประหารและในยามมีการเลือกตั้ง มีประชาธิปไตย จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ท่านทั้งสองจะนำพรรคการเมือง นำนักการเมืองขึ้นหลังคารถยนต์ปราศรัยหาเสียงที่สนามหลวง อดทนอดกลั้นต่อการเสียดสีจากสื่อมวลชนจากหนังสือพิมพ์ วิทยุและอื่นๆ

แต่ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทยนี้ ถ้าจะพูดถึงศักดิ์แล้วสูงกว่าอดีตหัวหน้าพรรคกิจสังคมและพรรคประชาธิปัตย์เสียอีก เพราะโดยชาติกาลท่านพูดอยู่เสมอว่าท่านเลือดสีน้ำเงินโดยแท้ไม่มีสีแดงเจือปนเลย มีวิธีคิดแบบผู้ดีอังกฤษฉลาดหลักแหลมกว่าคนทั้งปวง จึงหนักใจแทนว่าจะทนทานต่อการตอบโต้ในสภาได้หรือ

ถ้าเทียบกับอดีตหัวหน้าพรรคทั้ง 2 ท่านที่กล่าวมาแล้ว ท่านหนึ่งได้ชื่อว่าเป็น “ซือแป๋” เสาหลักของประชาธิปไตยไทย ส่วนอีกท่านหนึ่งได้ชื่อว่า “ฤๅษีเลี้ยงลิง” ต้องคอยดูว่าท่านนี้จะได้ชื่อว่ากระไร

เมื่อเห็นภาพออกมายืนคำนับอดีตหัวหน้าผู้นำการชุมนุมเมื่อตอนเปิดตัว เห็นเดินตามหลังออกหาสมาชิก ที่น่าแปลกก็คือจุดสนใจของผู้คนที่เดินผ่านและบางตานั้นไม่ได้อยู่ที่หัวหน้าพรรค แต่อยู่ที่อดีตหัวหน้าการชุมนุมมวลมหาประชาชน ซึ่งนึกว่าจะใช้เป็นชื่อพรรค แต่ทำไมไม่ใช้ก็ไม่ทราบ

ที่ไม่อยากจะเชื่อก็คือพรรคของซือแป๋ ลงเลือกตั้งได้ ส.ส.เพียง 18 คน สามารถตั้งรัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรีได้ พรรคของฤๅษีเลี้ยงลิงได้ ส.ส. 80 คน ตั้งรัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้แต่อยู่ได้จนยุบสภาเลือกตั้งกันใหม่ เป็นเรื่องเหลือเชื่อ

สำหรับท่านซือแป๋ เคยเป็นลูกน้องท่านที่ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการที่ท่านเป็นประธานกรรมการ มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษามีหน้าที่ไปรับประทานอาหารกลางวันกับท่านทุกวันพุธ นานติดต่อกันเป็นเวลากว่า 3 ปีครึ่ง ที่โต๊ะอาหารท่านจะเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟัง เมื่อท่านเงียบลงก็ป้อนคำถามให้ท่านได้เล่าต่อ บางเรื่องก็เล่าต่อได้ บางเรื่องก็เล่าต่อไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง จอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่ท่านเรียกว่า “พี่แปลก”

สำหรับฤๅษีเลี้ยงลิงอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยเป็นลูกศิษย์ท่านที่คณะรัฐมนตรีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านสอนกฎหมายแพ่ง บรรพ 5 ครอบครัว และบรรพ 6 มรดก จึงได้ยินได้ฟังความเห็นของท่านอยู่ตลอดทั้งปีส้มหล่นทุกวิชาเรียนกันทั้งปี

เมื่อมีการเปิดตัวหัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย ก็เหลือเชื่อมาครั้งหนึ่งแล้วที่เห็นภาพการก้าวเดินออกมาคำนับหัวหน้าผู้ชุมนุมปิดกรุงเทพฯ ปิดสถานที่ราชการ เพื่อให้มีการทำปฏิวัติรัฐประหาร บัดนี้ต้องลงพื้นที่ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเดินยกมือไหว้ อาเฮีย อาซ้อ อาม่า พี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพ ชาวระยอง จันทบุรี แล้วลงใต้ แทนที่จะเดินนำกลายเป็นเดินตามหัวหน้าผู้จัดการการชุมนุม ต้องนอนกลางดินกินกลางทรายอย่างมีมานะอดทนมากมาก แนวนโยบายก็คงจะเหมือนกับพรรคพลังประชารัฐและพรรคพันธมิตร คือสนับสนุนให้หัวหน้า คสช.เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ไม่ใช่ตนเองจะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะผู้จัดตั้งพรรคหรือหัวหน้าผู้ชุมนุมปิดกรุงเทพฯเคยประกาศแล้วว่าตนจะตั้งพรรคเพื่อสนับสนุนเผด็จการเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป

เคยเกี่ยวข้องทั้งอยู่ทั้งเป็นผู้ติดตามการเมืองไทยมาเป็นเวลานาน ยังไม่เคยมีปรากฏการณ์ที่ทำให้ประหลาดใจได้เท่ากับการเห็นประชาชนที่เคยหลงใหลได้ปลื้มหัวหน้านักจัดการชุมนุม แต่เปลี่ยนท่าที เปลี่ยนไปเป็นไม่ยอมรับ โดนชูป้ายคำว่า “LIAR” หรือ “โกหก” ใส่หน้า

แม้จะทำด้วยความสงบสุภาพ ตรงกันข้ามกับเมื่อเป็นหัวหน้าจัดการชุมนุม ซึ่งเต็มไปด้วยถ้อยคำให้ร้าย หยาบคาย ซึ่งสุภาพชนคงจะฟังไม่ได้ เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อว่าความนิยมหดหายไปจนหมดสิ้น ขบวนที่เดินก็มีแต่พรรคพวกตนประมาณ 40-50 คน จึงกลายเป็นเรื่องที่ไม่อยากจะเชื่อหูและตาของตนเองเมื่อดูข่าวจากโทรทัศน์

ที่เหลือเชื่ออีกเรื่องก็อย่างที่พูดมาแล้ว ผู้ที่เดินตามหัวหน้า mob shutdown Bangkok เป็นปัญญาชนศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เคยดำรงตำแหน่งระดับสูงสุดของข้าราชการประจำ เคยลงนามในธนบัตรให้เราใช้ จะลดตนเองมารับใช้ประชาชนคนเดินถนนอย่างเราๆ ได้ เพียงเพราะไปหลงคารมของหัวหน้าผู้ชุมนุมเพื่อ  ล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตย

ในโลกการเมือง อะไรๆ ก็เป็นไปได้เสมอ เพียงแต่เราไม่คุ้นและไม่อยากจะเห็นเท่านั้นเอง แต่เมื่อมันเป็นไปแล้วก็ต้องยอมรับ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายหรือจริยธรรม หรือแม้แต่ประเพณีการเมือง อย่างที่กล่าวแล้วถึงอดีตหัวหน้าพรรคกิจสังคมและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็ไม่ประหลาดใจและคิดว่าเหลือเชื่อ

แต่คราวนี้ประหลาดใจเพราะเหลือเชื่อในสิ่งที่เห็น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image