เดินหน้าชน : ‘พปชร.’ปลุกพระสู้ 22 พ.ย.61

“ขอแสดงความยินดีกับการเปิดตัวแนวร่วมพรรคครั้งนี้ ซึ่งยิ่งใหญ่กว่าการเปิดพรรคไทยรักไทย ที่ตนเคยอยู่ด้วยซ้ำ เพราะทุกคนที่สมัครเข้าเป็นสมาชิก และเตรียมสมัคร ส.ส.นั้นคุณภาพคับแก้ว ก่อนหน้านี้ถูกสื่อถามมาโดยตลอดว่า เหตุใดไม่นำกลุ่มสามมิตรเข้าพรรคพลังประชารัฐเสียที ดังนั้น วันนี้จึงนำกลุ่มสามมิตรมามอบตัว และจากนี้จะไม่มีสามมิตรอีกแล้ว จะมีเพียงพรรคพลังประชารัฐ” เสียงก้องออกจากปาก สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตรที่เดินทางมาสมัครเข้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อย่างเป็นทางการ นำทีมโดย สุริยะ สมศักดิ์ เทพสุทิน และ อนุชา นาคาศัย แกนนำ พร้อมสมาชิกในกลุ่มกว่า 60 คน

ขณะที่ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาฯพรรค ประกาศกร้าวว่า “ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดนี้คือ พปชร.ที่ทุกคนมาอยู่ร่วมกัน มากขนาดนี้ จะไม่กวาด 350 เสียงได้อย่างไร ทั้งนี้ พปชร.ไม่ได้ขโมยชื่อใครมา แต่เห็นว่าเมื่อเราจะทำการเมืองทั้งที จะต้องไม่ใช่เป็นพรรคของคนใดคนหนึ่ง ภาคใดภาคหนึ่ง ไม่ใช่มีใครเป็นเจ้าของ ถึงพวกเราอยู่ที่นี่เห็นนั่งมองหน้าแต่ละคนมีของ ถ้าปลุกพระก็ขึ้น ตนในฐานะแม่บ้านพรรคยินดีต้อนรับทุกคนเข้าร่วมอุดมการณ์พรรคพลังประชารัฐ และครั้งนี้ถือเป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์ ว่าประเทศไทยมีทางออกแล้ว ตั้งแต่มีพรรค พปชร. และถ้าไม่มี พปชร.ประเทศไร้ทางออกโดยสิ้นเชิง ยืนยันประเทศไทยอยู่ในมือและ พปชร.อยู่ในมือทุกคน”

ถือเป็นการเปิดหน้าสู้ท้าชิงบัลลังก์สนามเลือกตั้ง 24 ก.พ.62

พรรคพลังประชารัฐ ถูกจับตามองว่าคือตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้งครั้งหน้า บารมีเทียบเท่าพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ เหลือเพียงแค่เปิดหน้าไพ่ว่าจะเสนอชื่อใครนั่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่น่าจะนอกเหนือความคาดหมายและไม่ผิดไปจากชื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างแน่นอน

Advertisement

ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่จงใจทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ การจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้าคงหนีไม่พ้นรัฐบาลผสม ดังนั้นการสร้างเครือข่ายพันธมิตรเพื่อจับมือกันหลังเลือกตั้งย่อมเป็นเงื่อนไขสำคัญ

การเปิดหน้าไพ่วันนี้ พรรคพลังประชารัฐ มีเสียง 250 ส.ว.อยู่ในมือเป็นตัวแปรหากเกิดอุบัติเหตุเลือกนายกฯในสภาล่าง สำหรับพรรคพันธมิตรร่วมรัฐบาล ถ้าไม่ถูกดึงมาร่วมอย่างพรรคพลังชล ก็ดึงเข้ามาเป็นกลุ่มอย่างสามมิตร ส่วนพรรคภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนา แม้ยังคงสภาพการเป็นพรรค แต่คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะเจรจาต่อรองร่วมหอลงโรงกันได้ แต่ถ้าจะให้รัฐบาลมั่นคง พรรคประชาธิปัตย์คือเป้าหมาย เงื่อนไขคงอยู่ที่กระทรวงที่ให้บริหารมีเกรดดีขนาดไหน

ขณะที่อีกฟากหนึ่ง คือ พรรคเพื่อไทย ที่ไม่มีทางจับมือเป็นมิตรกันได้ ทักษิณ ชินวัตร ใช้ยุทธศาสตร์แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย ย่อยเป็นพรรคเล็กพรรคน้อย อาทิ เพื่อธรรม เพื่อชาติ และไทยรักษาชาติ เก็บทุกคะแนนเสียง พร้อมเครือข่ายพรรคที่เจาะเป็นตลาดๆ ไป เช่น พรรคอนาคตใหม่เจาะกลุ่มวัยรุ่น พรรคประชาชาติเจาะ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และอีกหลายพรรคที่ส่งคนของตัวเองเข้าไปแทรกซึม

พร้อมสร้างความฮึกเหิม เมื่อมีแหล่งข่าวจากพรรคระบุออกมาว่า ทักษิณจ้างบริษัททำวิจัยชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ลงพื้นที่ทำโพลสำรวจคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทย และพรรคเครือข่าย ปรากฏว่าคะแนนเสียงของทุกพรรครวมกันได้สัดส่วนคะแนนเสียงถึง 58% หรือคิดเป็นจำนวน ส.ส. 290 คน จาก 500 ที่นั่งในสภาล่าง

การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยและพรรคเครือข่าย จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลค่อนข้างแน่ เพราะจากคะแนนเสียงที่สำรวจออกมา ขอเพียงรวบรวม ส.ส.จากพรรคขนาดกลางและขนาดเล็ก อีกไม่กี่พรรคก็จะสามารถโหวตเลือกนายกฯที่ใช้เสียง 376 ส.ส.ได้แล้ว

วันนี้ “พรรคพลังประชารัฐ” ปลุกพระสู้ ท้าชน “ทักษิณ” และเครือข่ายพรรคเพื่อไทย ปี่กลองโหมดเลือกตั้งสร้างความคึกคักให้การเมืองไทยอีกครั้งหลังถูกบังคับให้ “จำศีล” ใต้ระบอบทหารนานกว่า 5 ปี …

พันธศักดิ์ รักพงษ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image