ความหวัง : การถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล… : โดย เฉลิมพล พลมุข

พฤติกรรมของความเสี่ยงหรือการท้าทายเป็นลักษณะอย่างหนึ่งของมนุษย์หรือสิ่งที่มีชีวิต โดยมีเป้าหมายหรือจุดมุ่งหมายใดมุ่งหมายหนึ่ง ความเสี่ยงหรือการคาดเดาจากการซื้อลอตเตอรี่หรือสลากกินแบ่งรัฐบาล หวยใต้ดิน หรืออาจจะมีการเรียกเป็นอย่างอื่นก็เพื่อให้ได้มาซึ่งจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อในเรื่องดังกล่าวซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างชัดเจน

ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็มีผู้คนที่นิยมเล่นการพนันก็คือการซื้อหวยกัน อาทิ ประเทศสเปนมีการออกสลากกันในทุกๆ 5 นาที ประเทศญี่ปุ่นและมาเลเซียมีการออกหวยกันสัปดาห์ละ 6 วัน ประเทศฟิลิปปินส์ สัปดาห์ละ 5 วัน ฝรั่งเศส สัปดาห์ละ 3 วัน ลาวเดือนละ 3 ครั้ง สหรัฐอเมริกา มีในทุกๆ วัน ยกเว้นรัฐฮาวาย สำหรับประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม ด้วยข้อบัญญัติของศาสนาจึงไม่สามารถที่จะมีการพนันดังกล่าวได้

สังคมไทยเรามีหวยที่ชาวบ้านเล่นกันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ใน พ.ศ.2375 ชาวจีนมีคำเรียกว่า ฮวยหวย หลังจากนั้นมาก็มีหวย ก ข จนกระทั่งมาถึงรัชกาลที่ 5 พระองค์ท่านได้ให้มีการออกลอตเตอรี่เป็นครั้งแรกของสยามเพื่อหารายได้บำรุงสาธารณการกุศล และในปี พ.ศ.2482 ได้มีการกำเนิดสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลขึ้นเป็นครั้งแรกและเปลี่ยนรูปแบบการออกรางวัลที่ถูกก็คือใช้เลขท้ายของลอตเตอรี่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (Government Lottery Office) ถือว่าเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่มีเงินรายได้สะสมจากธุรกรรมดังกล่าวเป็นรายได้แผ่นดินประจำปี พ.ศ.2560 ในจำนวนเงิน 30,948 ล้านบาท

การซื้อขายหวย หรือสลากกินแบ่งรัฐบาลถือว่าเป็นการเสี่ยงโชคชะตา หรือดวงชะตาของแต่ละบุคคล โดยระยะที่ผ่านมานี้สื่อบางสื่อมักจะเสนอข่าวสารของผู้ที่ถูกรางวัลใหญ่ก็คือรางวัลที่ 1 ในจำนวนหลายๆ ใบ รางวัลที่เราท่านได้รับรู้กันมาก็คือปัญหาลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท ระหว่างครูและตำรวจเมื่อไม่นานมานี้ ข่าวที่ชาวต่างชาติบ้านใกล้เรือนเคียงถูกรางวัล 90 ล้านบาท และผู้หญิงคนหนึ่งของ จ.อุดรธานีถูกรางวัลที่ 1 ชุดใหญ่ 90 ล้านบาท รวมถึงข่าวการถูกในรางวัลใหญ่ๆ ของคนบางคนในเวลาต่อมา สำหรับคนที่ซื้อแล้วไม่ถูกรางวัลก็มิได้ถูกนำเสนอในสื่อ…

Advertisement

ผู้เขียนใคร่ขอนำหลักสถิติหรือคณิตศาสตร์ที่ใครคนหนึ่งมีโอกาสจะถูกลอตเตอรี่หรือการพนันอื่นที่เรียกว่าหวยก็คือ หากต้องการถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว นั่นหมายถึงคนคนนั้นจะต้องซื้อจำนวนตัวเลขตั้งแต่ 00 01 02 03… – 99 ต้องซื้อในจำนวน 100 หมายเลข หากต้องซื้อลอตเตอรี่ใบละ 80 บาท ก็จะเป็นเงิน 8,000 บาท เงินที่ถูกรางวัลเลข 2 ตัวก็คือ 2,000 บาท นั่นหมายถึงขาดทุนไปแล้วถึง 6,000 บาท
หรือหากต้องการถูกเลข 3 ตัวท้าย ก็ต้องซื้อตั้งแต่ 000 001 002 003… – 999 ในจำนวนถึง 1,000 ใบ หากซื้อในใบละ 80 บาทก็จะเป็นเงิน 80,000 บาท มีโอกาสถูก 2 ครั้ง รางวัลครั้งละ 4,000 บาท รวมเป็น 8,000 บาท เงินนอกจากนั้นถือว่าขาดทุนหรือไม่ถูกรางวัลสำหรับผู้ซื้อ สำหรับในรางวัลที่ 1 โอกาสที่จะถูกก็คือ 1 ใน 1 ล้านหมายเลขในหนึ่งชุดมีอยู่ 1 ล้านหมายเลขก็คือ 0.0001% สำหรับหวยใต้ดินและหวยที่เรียกอย่างอื่นในข้อเท็จจริงก็ยังคงมีอยู่ในสังคมไทยถึงแม้นว่าจะผิดกฎหมายทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย

ข่าวที่ถูกนำเสนอที่ผ่านมามีการไปแจ้งความให้เอาผิดเจ้ามือที่คนซื้อถูกหวยใต้ดินแล้วเจ้ามือไม่ยอมจ่ายรางวัล อาจจะรวมไปถึงคนที่ซื้อสลากแล้วไม่ถูกก็นำใบสลากไปปะเป็นวอลเปเปอร์ผนังบ้าน…

เมื่อปลายปีที่แล้ว สำนักงานสลากฯได้มีการสั่งพิมพ์สลากกินแบ่งรัฐบาลเป็น 136 ล้านฉบับเพื่อต้อนรับการเสี่ยงโชคในช่วงปลายปีและเป็นการป้องกันคนขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาที่ติดประกาศ เราท่านอาจจะได้พบเห็นในข้อเท็จจริงหนึ่งที่ว่าโดยเฉพาะเลขชุดคงจะไม่มีพ่อค้าแม่ค้าคนใดขายตามราคาที่ติดอยู่ในสลากคือใบละ 80 บาท สำหรับการขายสลากแบบรวมชุด 5 ใบในราคาตามประกาศคือ 400 บาท ซึ่งจะอยู่ในโควต้าที่ 80 ล้านฉบับ โดยมีเงื่อนไขว่าจะไม่ขายเกินราคา มีจุดขายเป็นหลักแหล่ง ไม่ส่งให้ผู้อื่นไปขายแทน ต้องใส่เสื้อกั๊กเพื่อให้คนซื้อรู้ว่าเป็นผู้ค้าสลากแบบรวมชุด ข้อเงื่อนไขดังกล่าวดูเสมือนว่าจะเป็นเสือกระดาษที่มิอาจจะปฏิบัติที่ได้ผลอย่างจริงจัง…

Advertisement

ข่าวในเร็ววันที่ผ่านมานี้ นางวรรณลี ปัญญาใส พร้อมด้วยสามีนายสุรการ สุรัญกุล ชาว จ.อุดรธานีได้นำลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จำนวน 15 ใบในหมายเลข 149840 ไปรับเงินที่ถูกรางวัลจำนวนเงิน 90 ล้านบาทในงวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 และเลขท้าย 2 ตัวอีก 40 ใบ โดยได้เลขมาจากที่ได้ดูข่าวว่า มีรถตู้คันหนึ่งโดนไฟลุกไหม้แล้วมีคนตาย 9 ศพที่ จ.กำแพงเพชร แล้วเห็นทะเบียนเลขท้ายรถ 840 หลังจากนั้นก็ได้ไปวิ่งแก้บนที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ สำหรับรางวัลที่ 1 เมื่อไปขึ้นรางวัลแล้วสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้มีการหักภาษีแล้ว ยังคงได้รับเงิน 89,550,000 บาท โดยเขาและสามีเองก็มีการซื้อหวยงวดละกว่า 3 แสนบาท หลังจากที่ถูกลอตเตอรี่แล้วก็ได้นำเงินส่วนหนึ่งไปทำบุญ แจกเงินแก่ญาติๆ รวมไปถึงมีคนบางคนไปขอเงินเขาด้วยเช่นกัน สำหรับงวดก่อนจะถูกรางวัลก็มีการซื้อเป็นประจำงวดละ 1-3 แสนบาท และงวดหลังจากถูกรางวัลที่ 1 แล้วก็ได้ไปซื้ออีกจำนวนเงินกว่า 4 แสนบาท เมื่อสำนักงานสลากกินแบ่งฯออกรางวัล ปรากฏว่าไม่ถูกหมายเลขแม้แต่รางวัลเดียว…(Khaosod.co.th)

มีข้อมูลหนึ่งจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในช่วงปี พ.ศ.2539-2558 คนไทยได้ซื้อสลากกินแบ่งฯและสลากบำรุงการกุศลทั้งหมด 909,433 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีคนถูกรางวัลจำนวนเงิน 552.202 ล้านบาท มีคนถูกรางวัลที่ 1 ไปแล้วจำนวน 11,500 คน หรือปีละ 575 คน สำหรับคนที่ไม่ถูกรางวัลมีจำนวน 357,229 ล้านบาท ขณะเดียวกันในอดีตก็มีความพยายามที่จะเสนอให้มีร่าง พ.ร.บ.กิจการสลากเพื่อสังคม พ.ศ…. และร่าง พ.ร.บ.กองทุนส่งเสริมการพัฒนาภาคประชาสังคม พ.ศ…. (ฉบับประชาชน) ที่ได้เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการปฏิรูประบบการบริหารจัดการสลากในประเทศไทย โดยความเห็นของคณะกรรมาธิการเห็นว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลมีไว้เพื่อสังคม ไม่ใช่เพื่อการแสวงหากำไรเข้ารัฐ ต้องมีการดำเนินการอย่างมีธรรมาภิบาลและต้องคุ้มครองผู้บริโภค…

ความเชื่อของคนไทยบางส่วนอาจจะรวมไปถึงผู้ซื้อที่เป็นนักบวชในศาสนาด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งในแต่ละงวดของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือหน่วยงานอื่นที่ทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายๆ กันมีการออกรางวัล ก็มีการซื้อรางวัลเพื่อเสี่ยงโชคชะตาโดยคาดหวังว่าตนเองจะถูกรางวัลสักครั้งหนึ่งในชีวิต การแสวงหาตัวเลขเพื่อให้ได้มาของตัวเลขที่จะถูกรางวัลประเภทต่างๆ ก็มีที่มาหลากหลาย ทั้งวันเดือนปีเกิด เลขที่บ้าน ทะเบียนรถ อายุคนตาย การฝัน การไปขูดถูหาจากต้นไม้ที่ถูกนำขึ้นจากแม่น้ำ ให้เด็กเล็กๆ ช่วยหยิบสลาก และรวมการเก็งตัวเลขหวยในสื่อออนไลน์…

ผู้เขียนและท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะเข้าใจตรงกันที่ว่า ในแต่ละงวดจะมีการพนันที่เรียกว่าหวยที่มีชื่อต่างๆ กันมีการเล่นกันเป็นจำนวนเงินที่มากมหาศาลที่อยู่นอกเหนือการบังคับของกฎหมาย มีการคาดการณ์จำนวนเงินที่หมุนเวียนอยู่ในระบบดังกล่าวนับแสนล้านบาท รัฐบาล คสช.ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในมือกับทุกประเภทในขณะนี้จะเห็นถึงการปฏิรูประบบหวยที่ไม่อยู่ในระบบเพื่อจะนำเม็ดเงินมหาศาลมาเป็นภาษีในการใช้จ่ายต่อการพัฒนาประเทศในระบบต่างๆ รวมถึงการบริหารจัดการสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล จะเห็นเป็นจริงในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่…

ข้อเท็จจริงหนึ่งที่เราท่านได้พบเห็นก็คือ พระภิกษุยืนเลือกซื้อลอตเตอรี่หรือสลากกินแบ่งของรัฐบาลตามถนนหนทาง ตลาดชุมชน มิอาจจะรวมไปถึงรูปแบบที่ฆราวาสทั่วไปนิยมกันก็คือใช้ระบบสื่อสารที่ทันสมัยในการสั่งซื้อลอตเตอรี่ อาจจะรวมไปถึงหวยใต้ดินรวมอยู่ด้วย ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าจะมีหน่วยงานของรัฐ หรือนักวิจัยคนใดที่เข้าไปสำรวจวิจัยพฤติกรรมของนักบวชในการเสี่ยงโชค หรือจำนวนเม็ดเงินที่ต้องลงไปกับเรื่องดังกล่าวเป็นจำนวนเท่าใด หรืออาจจะมีผลต่อการปฏิบัติศาสนกิจหรือการใฝ่เรียนรู้ศึกษาพระธรรมด้วยหรือไม่…

ความสงสัยในเรื่องการออกหวยจะมีการสมคบคิดในการล็อกหมายเลขหรือไม่ ก็ยังคงเป็นคำถามที่อาจจะมิได้คำตอบที่กระจ่างมากนัก ถึงอย่างไรก็ตามเราท่านได้มีโอกาสได้ติดตามชมระบบการออกหมายเลขรางวัลจากรายการโทรทัศน์ส่วนหนึ่งก็ยอมรับได้ว่ามีความโปร่งใสยุติธรรมกันในระดับหนึ่ง…
ในอดีตเมื่อปี พ.ศ.2544 ได้มีคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่นายณรงค์ อุ่นแพทย์ หรือกลม บางกรวย, นายสมตระกูล จอบกระโทก, พันอากาศเอกกิตติชาติ กุลประดิษฐ์, นายสุริยัน ดวงแก้ว, นายพิชัย เทพอารักษ์ เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงและซ่องโจร จากกรณีที่เกณฑ์คนเข้าไปรับชมการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 มิถุนายน 2544 โดยกลุ่มจำเลยได้บ้วนของเหลวที่อมอยู่ในปากลงไปในภาชนะพลาสติกทรงกลม แล้วเลือกตักลูกบอลที่มีคราบสีขาวติดอยู่ เพื่อล็อกผลการออกสลากรางวัลที่ 1 ให้เป็นหมายเลข 113311

ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยกระทำผิดจริง ตั้งแต่จัดหาคนพาไปฝึกซ้อม มีการตกลงผลประโยชน์กับคนที่ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์กำหนดโทษ ศาลฎีกาเห็นพ้อง พิพากษายืนให้จำคุกจำเลยคนละ 6 ปี ส่วนนายพิชัย เทพอารักษ์ ให้จำคุก 2 ปี ในวันพิพากษามีเพียงนายสมตระกูลและนายพิชัยได้เดินทางไปศาล ที่เหลือไม่ได้เดินทางไปศาล ศาลจึงออกหมายจับเพื่อให้ได้รับโทษ…(BBTV New Media Company Ltd.)

สำหรับโทษผู้ที่ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินจากราคาที่กำหนด เราท่านจะรับทราบถึงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองมาเป็นระยะๆ หลังจากนั้นพฤติกรรมการขายเกินราคาก็ยังคงอยู่ด้วยเหตุผลใด ข้อกฎหมายถึงแม้จะกำหนดโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงเพิ่มความผิดที่ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในสถานศึกษา หรือขายให้แก่บุคคลที่อายุต่ำกว่า 20 ปี โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ…

ปัญหาของลอตเตอรี่หรือสลากกินแบ่งของรัฐบาล รวมถึงหวยอย่างอื่นยังคงเป็นสภาพปัญหาทั้งหลักการทางกฎหมาย เศรษฐศาสตร์ ธุรกิจ การเมือง ศาสนา สังคม และหลักจริยธรรม ผู้ที่ซื้อสลากกินแบ่งฯ หรือหวยอย่างอื่นส่วนหนึ่งก็เป็นประชาชน ชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำโดยคาดหวังในโชคลาภที่จะช่วยถึงคุณภาพชีวิตที่ต้องมีภาระต่างๆ ให้ชีวิตมีความเป็นอยู่ดีขึ้น สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเองมิได้เคยได้ยินก็คือ คนที่เป็นมหาเศรษฐีไทยหรือระดับโลก หรือนักการเมืองที่มีฐานะร่ำรวยจะมีการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือซื้อหวยประเภทต่างๆ ด้วยหรือไม่ หรือว่าเราท่านมักจะได้ยินที่ว่า “คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น…”

คนในสังคมประเทศของทุกๆ สังคม ย่อมมีความหวังในชีวิตถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยการมีสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตระดับพื้นฐานที่ดี รัฐบาลที่ดี ความหวังจากการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ซื้อหวยก็เป็นทางออกหนึ่งของชีวิตที่เป็นความคาดหวังว่าจะเป็นจริงในสักวันหนึ่ง แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แข่งโชควาสนาตัวใครตัวมัน…

เฉลิมพล พลมุข

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image