บทนำ : ของขวัญให้ใคร? ประจำวันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม 2561

สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยาเสพติดให้โทษ อนุญาตให้นำกัญชาและกระท่อมไปศึกษาวิจัยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และรักษาโรคภายใต้การดูแลของแพทย์ได้ ด้วยคะแนน 166 เสียง งดออกเสียง 13 เสียง โดยถือเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์จากการปลดล็อกดังกล่าวยังมีข้อถกเถียง

แฟนเพจ มูลนิธิชีววิถี หรือ BIOTHAI โพสต์ข้อความว่า แทนที่จะเป็น “ของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน” แต่กลับกลายเป็น “ของขวัญวันคริสต์มาสแก่บริษัทยาข้ามชาติ” เสียมากกว่า เนื่องจากคำขอสิทธิบัตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจำนวน 10 สิทธิบัตรยังไม่ถูกยกเลิก หากรัฐบาลไม่สั่งการให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาดำเนินการ จะเกิดความเสียหายต่อประเทศ ทำให้บริษัทยาต่างชาติได้รับประโยชน์จากการพัฒนายาจากกัญชา แทนที่จะเป็นประชาชนในประเทศซึ่งได้เคยพัฒนาและใช้ประโยชน์จากกัญชาเป็นยารักษาโรคมาอย่างยาวนาน ผู้ป่วยเสียโอกาสจากการต้องใช้ยาราคาแพง

มูลนิธิชีววิถีเรียกร้องให้ รัฐบาลยกเลิกคำขอจดสิทธิบัตรกัญชาที่เกี่ยวข้องกับสารสกัดกัญชาทั้งหมด ถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษทุกประเภท ให้เป็นพืชสมุนไพรควบคุมทางการแพทย์ ให้ผู้ป่วยที่ได้รับใบรับรองจากแพทย์ แพทย์แผนไทย และแพทย์แผนไทยประยุกต์สามารถเพาะปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้ ให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกตามคำสั่งซื้อหรือสัญญาการเพาะปลูกของสัญญาสถานประกอบการทางการแพทย์ แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ เภสัชกรรม ทั้งรัฐและเอกชนที่ขึ้นทะเบียนเพื่อใช้ในทางการแพทย์อย่างถูกต้อง รวมถึงให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกส่งไปต่างประเทศได้

ข้อกล่าวหาว่า รัฐบาลและ สนช.อนุมัติกฎหมาย โดยเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนเป็นเรื่องใหญ่ รัฐบาลจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่า ทำอย่างไรให้ประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกร ที่มีปัญหาราคาพืชผล ได้ประโยชน์จากนโยบายดังกล่าวอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ให้สมกับที่ประกาศต่อสังคมว่า เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน กรณีกัญชา มีผู้ยกกรณีของการผูกขาดผลิตสุราว่า ทำให้ประชาชนเสียโอกาสจากการใช้ภูมิปัญญาและทรัพยากรที่ตนเองผลิตขึ้นมา โดยกลุ่มทุนเป็นผู้กอบโกยผลประโยชน์จากการผลิตมาแล้ว และประวัติศาสตร์ไม่ควรซ้ำรอยกับกรณีของกัญชาอีก

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image