แดดเดียว : ถ้าไม่มี 14 ตุลาฯ

ซานตาคลอสเป็นพยานด้วยเทอญ

รอบนี้ พระเอกในท้องเรื่อง คือ ศ.พิเศษ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เจ้าของผลงาน “2 นคราประชาธิปไตย” ที่โด่งดังยุคปี 2530 กว่าๆ นั่นเอง

อาจารย์เอนก เป็นผู้นำนักศึกษาหลัง 14 ตุลาฯ 2516 ขณะเป็นนิสิตแพทย์ จุฬาฯ

ร่วมก่อตั้งพรรคในมหาวิทยาลัย คือ พรรคจุฬาประชาชน ได้รับเลือกเป็นนายกสโมสรนิสิตจุฬาฯ หรือ สจม.

Advertisement

เมื่อเกิดนองเลือด 6 ตุลาฯ 2519 เอนกเข้าป่าทางภาคใต้ จับปืนสู้ร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

แล้วกลับเข้าเมืองหลังนโยบาย 66/2523 มาเรียนต่อ สอนหนังสือ ก่อนออกมาเล่นการเมือง เป็น ส.ส.ปชป. ออกมาตั้งพรรคมหาชนกับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์

รอบนี้มาตั้งพรรครวมพลังประชาชาติของเทพเทือก สุเทพ เทือกสุบรรณ ตอนแรกมีข่าวจะเป็นหัวหน้าพรรค ก่อนโผพลิก กลายเป็นกรรมการบริหารโดยมีหม่อมเต่า ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล เป็นหัวหน้าพรรค

Advertisement

อาจารย์เอนกไปออกรายการทางช่องไทยพีบีเอส เมื่อค่ำอังคารหรือวันคริสต์มาส 25 ธ.ค.ที่่ผ่านมา

ตอนหนึ่ง อาจารย์กล่าวสนับสนุน รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 ว่าดีกว่าฉบับอื่นๆ

และอีกช่วง อาจารย์เอนกกล่าวถึงปัญหาประชาธิปไตย และเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ โดยระบุว่า

“ตอนที่ผมมีส่วนร่วมอยู่บ้างในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 นั้น ผมคิดว่า ถ้าผมรู้นะว่าประชาธิปไตยมันจะเป็นแบบนี้ ผมไม่ทำหรอก 14 ตุลาฯ ผมปล่อยให้จอมพลถนอมท่านปกครองต่อไปดีกว่า ถึงแม้ว่ามันจะมีอะไรไม่ดี แต่ผมคิดว่าความเลวร้ายของระบบเลือกตั้งที่เราได้กันมา ผมว่ามันเลวร้ายกว่าเสียอีก”

อันนี้เรียกว่าเป็นไฮไลต์ของวันคริสต์มาสปีนี้เลยก็ว่าได้

และสร้างความตื่นเต้นในแวดวงผู้สนใจการเมือง รวมถึงครูบาอาจารย์ ปัญญาชน

ลองอ่านคอมเมนต์ของนักวิชาการ พบว่าเมนต์กันด้วยความแปลกใจแต่สุภาพเรียบร้อย อาจจะเห็นว่า อายุอานามยาวไกลเกินกว่าจะมาห้ำหั่นกันด้วยคำพูดแรง

ทำไมถึงแปลกใจ น่าจะมาจากการที่ สังคมรับรู้ว่า อาจารย์เอนกเดิมเป็นฝ่ายก้าวหน้าหรือฝ่ายซ้ายมาก่อน เห็นจากบทบาทสมัยเป็นแอคทิวิสต์ในมหาวิทยาลัย และต่อมาเข้าป่าไปร่วมกับ พคท.

แม้ว่าระยะหลังอาจารย์เอนกเข้าไปอยู่ในแวดวงการเมือง อาจจะรับวิธีคิดวิธีมองปัญหาในแบบที่แตกต่างออกไป

แต่ก็ไม่น่าจะเลยเถิดไปจากแนวคิดพื้นฐานบางอย่าง อย่างเช่นทรรศนะต่อ 14 ตุลาฯ ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญ ซึ่งผู้มีแนวคิดแบบเสรีนิยม และฝ่ายซ้ายจะมีมุมมองคล้ายๆ

คือเห็นว่า เป็นเรื่องที่นักศึกษาประชาชนฮือขึ้นสู้กับเผด็จการ และเรียกร้องประชาธิปไตย ความยุติธรรมในสังคม จนถูกปราบถูกฆ่าล้มตายกันมากมาย ทำให้ประชาธิปไตยเบ่งบานอยู่ 3 ปี ก่อนถูกยึดคืนในเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519

การลุกฮือขึ้น เป็นไปตามกฎของสังคม ไม่ได้เป็นเรื่องที่วีรบุรุษคนไหนจะไปกดปุ่มโยกสวิตช์ให้เกิดขึ้นได้

หรือจะไปกดสวิตช์ปิด เพื่อให้จอมพลถนอม กิตติขจร ครองอำนาจต่อไปได้

14 ตุลาฯ 2516 เป็นผลจากยุคเผด็จการอันยาวนาน เริ่มต้นจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ รัฐประหารโค่นรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ในปี 2500 ตอนแรกให้นายพจน์ สารสิน เป็นนายกฯก่อน

แล้วสลับเอา พล.ท.ถนอม กิตติขจร เป็นนายกฯ ก่อนปฏิวัติซ้ำอีกรอบปลายปี 2501 แล้วเป็นนายกฯเองในตอนต้นปี 2502 โดยมี มาตรา 17 เป็นอาญาสิทธิ์เหมือนกับมาตรา 44 สมัยนี้ พร้อมกับคำประกาศว่า “ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”

ยุคเผด็จการของจอมพลสฤษดิ์ มีการใช้ข้อหาคอมมิวนิสต์จับกุมประชาชนที่เห็นต่างจำนวนมาก ทำให้มีประชาชนเข้าไปร่วมกับ พคท.มากขึ้นเรื่อยๆ

จอมพลสฤษดิ์ ถึงแก่อสัญกรรมในปี 2506 จอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกฯต่อ และสั่งยึดทรัพย์จอมพลสฤษดิ์ ซึ่งร่ำรวยผิดปกติ จำนวน 604 ล้านบาท

จอมพลถนอมสืบทอดอำนาจต่อ จนกระทั่งรัฐธรรมนูญฉบับ 2512 ที่ยกร่างมาราธอนกันมา 9 ปี จากสมัยจอมพลสฤษดิ์ สำเร็จเรียบร้อย ได้จัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป

โดยจอมพลถนอม ตั้งพรรคสหประชารัฐ เอ๊ย ไทย และประสบความสำเร็จ ต่อท่ออำนาจกลับมาเป็นนายกฯในระบบสภา

มีสภาอยู่ 2 ปี เกิดรำคาญขึ้นมา วันที่ 17 พ.ย.2514 ท่านจอมพลเลยผันตัวเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ ทำรัฐประหารโค่นตัวเอง เอาจอมพลถนอมที่เป็นนายกฯโดยมีพรรคการเมืองในสภาสนับสนุน

ทรานส์ฟอร์มกลายเป็นจอมพลถนอม นายกฯที่มาจากรัฐประหารไปอย่างชิล..ชิล

คนด่ากันเยอะ แต่ไม่กล้าเสียงดัง เพราะอาญาสิทธิ์ในมือ นายอุทัย พิมพ์ใจชน นายอนันต์ ภักดิ์ประไพ นายบุญเกิด หิรัญคำ สามนักการเมืองหนุ่ม เข้าแจ้งความดำเนินคดีจอมพลถนอม ข้อหากบฏ

ทั้ง 3 ผู้กล้าเลยระเห็จเข้าคุกเสียเอง

และได้ออกจากคุกเมื่อเกิด 14 ตุลาฯ 2516 สรุปว่าสิ้นอิสรภาพไป 2 ปี ออกจากคุกมานายอุทัยไว้หนวดยาวออกมาเลย

นี่ถ้าอาจารย์เอนกกดปุ่มให้จอมพลถนอมบริหารต่อ และไม่มี 14 ตุลาฯ นายอุทัยอาจติดคุกหนวดถึงเข่าเลยก็ได้

ส่วนเรื่องเลือกตั้งที่อาจารย์เอนกเห็นว่าเลวร้ายกว่าระบบของท่านจอมพลนั้น อันนี้ก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่งในบ้านเมืองเรา เพราะคนจำนวนไม่น้อย คิดและเชื่อแบบนี้จริงๆ จังๆ

จะเป็นเพราะเลือกตั้งแล้วไม่ชนะ หรืออยากได้อำนาจแต่ไม่อยากไปขออนุญาตจากประชาชนตัวจริง ฯลฯ ไม่ทราบได้

แต่เชื่อกัน หรือแกล้งเชื่อกันจริงจัง ถึงขนาดปิดเมือง ล้มเลือกตั้งกันมาแล้ว เมื่อ 2 ก.พ.2557

ทุกวันนี้ออกไปเดินหาเสียง ยังโดนชาวบ้านด่าไม่เลิก

กดปุ่มได้ไปกดปุ่มให้คนเลิกด่าดีไหมอาจารย์ ฮิฮิ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image