มี‘ชัชชาติ เอฟเฟกต์’ ก็มีหนามตำเท้า บนเส้นทางเลือกตั้ง

สมฉายา “บุรุษผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี”

เพียงปรากฏชื่อ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ขึ้นในฐานะผู้ “อาจจะ” ได้รับการเสนอชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย

ไม่เพียงแต่คะแนนความนิยมจากการสำรวจเบื้องต้นจะทำให้พรรคกระโดดพรวดจาก 190 เป็น 220 ส.ส.เท่านั้น

ยังทำให้เกิดปฏิกิริยาจากฝักฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามได้อย่างเฉียบพลัน

Advertisement

ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

มีรายงานข่าวว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หยิบยกคดีที่มีนายชัชชาติเกี่ยวข้องขึ้นมาพิจารณาใหม่

ทั้งที่กรณีกล่าวหานั้นถูกยื่นให้ ป.ป.ช.ไต่สวนไปตั้งแต่ 5-6 ปีที่ผ่านมา

สำหรับคดีที่มีชื่อนายชัชชาติ ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วยนั้น

คดีที่ 1 คือกรณีกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีรวม 34 ราย

กรณีอนุมัติและจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองปี 2548-2553 โดยไม่มีอำนาจ และไม่มีกฎหมายรองรับ

ซึ่งรวมถึงตัวนายชัชชาติด้วย

คดีที่ 2 คือข้อกล่าวหาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ ครม.รวม 35 คน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด

โดยการไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 57 วรรคสอง และมาตรา 67 วรรคสอง ในโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้าง ระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนฯ

ภายใต้พระราชกำหนดที่ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อการวางระบบ บริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.2555

วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท

โดยให้กลุ่มบริษัทเอกชนต่างๆ มายื่นข้อเสนอตามแผนงาน จำนวน 10 โมดูล (Module)

ประกาศผลผู้ชนะในวันที่ 10 มิถุนายน 2556 และนำเรื่องเข้าสู่ความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน

เรื่องดังกล่าวถูกยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ตั้งแต่ปี 2556

ในกรณีของคดีบริหารจัดการน้ำ

มีคดีที่มีผู้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง และปรากฏว่าศาลปกครองมีคำพิพากษายกฟ้องไปแล้ว

แต่ทาง ป.ป.ช.ระบุว่า เรื่องดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าหน้าที่ในชุดไต่สวนใหม่

จึงต้องให้ผู้ถูกกล่าวหาทำคำชี้แจงมาอีกครั้ง

ในขณะที่คดีเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง

พรรคเพื่อไทยระบุว่า มีการทำสำนวนชี้แจงหน่วยงานตรวจสอบต่างๆ ไปแล้วถึง 8 ครั้ง

และจะยึดแนวทางการต่อสู้คดีตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ในคดีฟ้องร้องคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ กรณีการอนุมัติให้ขายเลขท้ายสลากกินแบ่งให้ถูกกฎหมาย หรือคดีหวยบนดิน

และคดีกล้ายางพารา

ที่ศาลยกฟ้องโดยระบุว่าไม่สามารถดำเนินการฟ้องร้องคณะรัฐมนตรีทั้งคณะได้

ไม่ต้องถึงขนาดเป็น “คอการเมือง” ชนิดเข้ากระดูกดำ

หรือเป็นแฟนพันธุ์แท้ของบุรุษผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี

เมื่อปะเข้ากับการอุบัติขึ้นอย่างกะทันหันและรวดเร็วของคดีที่ค้างคามาเป็นเวลากว่า 5-6 ปี

ในฉับพลันทันทีที่มีข่าวว่านายชัชชาติจะถูกเสนอขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีในโควต้าของพรรคเพื่อไทย

ก็พอจะ “ซาโตริ” ได้โดยพลันว่า

นี่คือกระบวนการ “เตะสกัด” ตัดขา ขัดขวางมิให้เส้นทางสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสะดวกราบรื่นเกินไปนัก

เพราะแม้ในทางคดี จะหวังผลจากกรณีทั้งสองมิได้มากนัก

แต่ด้วยกระบวนการ ความยุ่งยาก และการออกข่าวโจมตี

สำหรับคนที่กำลังเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง ทั้งต้องลงพื้นที่เพื่อแสวงหาคะแนนนิยมจากประชาชน และร่าง-นำเสนอนโยบายให้เป็นที่ชื่นชอบและจับต้องได้

การมี “หนามตำตีน” อยู่ ย่อมมิใช่เรื่องน่าพึงพอใจ

ใน “สงครามครั้งสุดท้าย” ของใครบางคนหรือหลายคน

ผู้ประสบภัยสงครามนั้นไม่เพียงแต่ตัวคู่สงครามโดยตรง

หากยังรวมไปถึงพันธมิตร บริษัท บริวาร

และหลายครั้งยังมี “ลูกหลง” กระเด็นไปถึงผู้ไม่เกี่ยวข้องอีกด้วย

สงครามจริงเป็นเช่นนี้

สงครามเลือกตั้งก็เป็นเช่นเดียวกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image