| ผู้เขียน | สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน |
|---|
องค์กรภาคประชาชนที่ผลักดันการปลดล็อกกัญชา เช่น ไบโอไทย ได้แสดงท่าทีชัดเจน ภายหลัง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฉบับแก้ไข เพื่อให้กัญชานำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ผ่านการพิจารณาของ สนช.จบสิ้นวาระ 3 เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา
โดยชี้ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน แต่กลับกลายเป็นของขวัญคริสต์มาสแก่บริษัทยาข้ามชาติ
เนื่องจากคำขอสิทธิบัตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจำนวน 10 สิทธิบัตรยังไม่ถูกยกเลิกแต่ประการใด
การออกมาย้ำเตือนทั่วทั้งสังคมขององค์กรภาคประชาชนอีกหลายองค์กร รวมถึงกลุ่มมหาวิทยาลัยรังสิต ไม่ให้หลงดีใจไปกับ พ.ร.บ.ยาเสพติดฉบับนี้ ที่อ้างว่าคลายล็อกกัญชาและกระท่อมเพื่อการแพทย์ได้แล้ว
โดยแท้ที่จริง เป็นรายการเตะกัญชาเข้าปากหมา เป็นรายการเสียค่าโง่ให้บริษัทยาต่างชาติ
ทำให้เบื้องหน้าเบื้องหลังกระบวนการผลักดัน พ.ร.บ.ฉบับนี้ใน สนช. ถูกขุดคุ้ยตรวจสอบอย่างหนัก
ต่อมามีข่าวจากภายใน สนช.เองระบุว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ได้รับข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงตัดสินใจยื้อเอาไว้ก่อน ยังไม่ดำเนินการขั้นตอนเพื่อให้ออกมาเป็นกฎหมายบังคับใช้
โดยข้อมูลใหม่ดังกล่าว ได้แก่ เสียงต่อต้านจากหลายองค์กรที่เห็นว่าถ้าเร่งนำ พ.ร.บ.นี้ออกมา โดยที่ยังเคลียร์เรื่องการจดสิทธิบัตรของต่างชาติไม่จบ จะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ เสียหาย รวมถึงการเร่งรีบดัน พ.ร.บ.ทำให้เนื้อหามีช่องโหว่ กลายเป็นว่าทำให้ฝิ่น ได้รับอานิสงส์ได้คลายล็อกไปด้วย
ไปจนถึง เรื่องซับซ้อนภายใน สนช.เอง เนื่องจากกำลังมีการพิจารณา “ประมวลกฎหมายยาเสพติด” จำนวน 3 ฉบับ ซึ่งดำเนินการมาก่อนหน้านี้ พิจารณาอย่างครอบคลุมทุกด้าน ถือเป็นกฎหมายหลัก แต่จู่ๆ มี พ.ร.บ.ยาเสพติดปลดล็อกกัญชา ซึ่งถือเป็นกฎหมายย่อย ซ้อนเข้ามาและแซงหน้ากฎหมายหลักไปเฉยๆ
เมื่อเห็นว่าเป็นกระบวนการที่ซ้ำซ้อน อาจทำให้เกิดความสับสนกันเองในกฎหมายยาเสพติด นายพรเพชรจึงตัดสินใจสั่งการ ให้ตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นเพื่อพิจารณาเนื้อหาของประมวลกฎหมายยาเสพติด และร่าง พ.ร.บ.กัญชา ให้สอดคล้องทำนองเดียวกัน หรือหากจำเป็นก็นำสาระสำคัญที่จำเป็นในร่าง พ.ร.บ.กัญชา มาบรรจุไว้ในประมวลกฎหมายยาเสพติด
ซึ่งจะมีผลให้ พ.ร.บ.กัญชาดังกล่าว สิ้นสภาพไป
ท่าทีของนายพรเพชรเช่นนี้ ทำให้หลายฝ่ายที่ห่วงใยใน พ.ร.บ.กัญชา พอจะโล่งอกโล่งใจได้
แต่ก็ยังวางใจได้ไม่ถึงที่สุด เพราะกระบวนการของเรื่องนี้ น่าสังเกตว่ามีผลประโยชน์ของบริษัทยาต่างชาติเกี่ยวพันอยู่
ดังนั้น การดิ้นรนเพื่อทำให้ พ.ร.บ.กัญชา ที่องค์กรภาคประชาชนชี้ว่า เป็นของขวัญคริสต์มาสให้ต่างชาตินั้น ยังมีความพยายามกดดันให้ประธาน สนช. ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้ออกมาบังคับใช้ให้ได้
อีกทั้งเห็นได้ว่า ท่าทีของรัฐบาลเอง ต่อข้อเรียกร้องให้รีบสะสางการจดสิทธิบัตรของฝรั่ง กลับยังนิ่งเฉย
แถมมีข่าวว่ากระทรวงต้นเรื่องประมวลกฎหมายยาเสพติด กลับทำหนังสือถึง สนช. เพื่อทักท้วงกฎหมายของตัวเอง ทั้งที่ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับหลักฉบับนี้ คือ ทางออกที่ประธาน สนช.นำมาใช้เพื่อหยุด พ.ร.บ.กัญชาที่เกิดปัญหา
จึงเป็นเรื่องต้องติดตามชนิดไม่กะพริบตา
เพื่อให้การปลดล็อกกัญชา-กระท่อม เพื่อประโยชน์ของคนไทยแท้จริง
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน
