ปาหี่ของทรัมป์กับสี : โดย วีรพงษ์ รามางกูร

การค้าระหว่างประเทศทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด ย่อมได้ประโยชน์จากการค้าระหว่างประเทศด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย เพียงแต่ว่าในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งอาจจะซื้อสินค้าจากฝ่ายหนึ่งเป็นจำนวนน้อยกว่าที่ตนขายสินค้าและบริการจากอีกฝ่ายหนึ่ง ทำให้ฝ่ายที่ขายสินค้าและบริการให้อีกฝ่ายหนึ่งมีมูลค่ามากกว่าของอีกฝ่ายหนึ่ง ทำให้ตนเกินดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดกับอีกฝ่ายหนึ่ง

กรณีที่จีนขายสินค้าและบริการให้กับสหรัฐอเมริกา มีมูลค่ามากกว่าที่ตนซื้อสินค้าจากสหรัฐอเมริกา ทำให้จีนเกินดุลการค้าและบริการกับสหรัฐอเมริกา จีนจึงได้เงินจากอเมริกามากกว่าที่ตนต้องจ่ายเงินให้อเมริกาเพื่อซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐอเมริกา ตนจึงเป็นผู้รับเงินสุทธิและอเมริกาต้องจ่ายเงินสุทธิให้จีน จีนจึงมีเงินดอลลาร์สะสมเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นทุกที

เงินสำรองเช่นว่า จีนก็นำไปซื้อตราสารทางการเงินในรูปของดอลลาร์อเมริกัน เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือนำไปฝากธนาคารอเมริกัน หรือนำไปซื้อหุ้นบริษัทอเมริกันมากขึ้น อเมริกาก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยและเงินปันผลให้จีนมากขึ้นทุกที เพราะทั้งรัฐบาลอเมริกาและบริษัทอเมริกันก็เป็นหนี้ผู้ออมและผู้ลงทุนของจีนมากขึ้นทุกที ซึ่งก็ต้องจ่ายจากเงินภาษีอากรและเงินออมของคนอเมริกันมากขึ้นทุกปี จนอเมริกาเป็นลูกหนี้รายใหญ่ที่สุดของจีน

แต่ถ้ามองอีกด้านหนึ่ง การที่อเมริกาขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดกับจีนก็เท่ากับอเมริกาใช้สินค้าและบริการที่แรงงานจีนผลิตมากกว่าสินค้าและบริการที่ผลิตโดยแรงงานอเมริกัน เท่ากับแรงงานจีนต้องใช้แรงงานผลิตของให้คนอเมริกันใช้จ่ายมากกว่าต้องผลิตสิ่งของให้คนจีนใช้ เพื่อให้เหลือไปขายคนอเมริกัน ถ้ามองในแง่การบริโภคก็เท่ากับคนอเมริกันสามารถบริโภคหรือมีความเป็นอยู่สุขสบายมากกว่าความสามารถในการผลิตของตัว ขณะเดียวกันคนจีนก็บริโภคหรือมีความสุขสบายน้อยกว่าความสามารถในการผลิตของตัว เพราะเท่ากับคนจีนกลายเป็นแรงงานผลิตให้คนอเมริกันใช้ เพื่อแลกกับการเป็นเจ้าหนี้ของตนกับคนอเมริกัน

Advertisement

สถานการณ์ดังกล่าวจะดำเนินไปตลอดกาลไม่ได้ มิฉะนั้นอเมริกาก็จะมีหนี้สินล้นพ้นตัว ค่าเงินของอเมริกาหรือเงินดอลลาร์ก็จะหมดค่าลงไปเรื่อยๆ ทำให้ราคาของที่นำเข้าจากจีนและที่อื่นๆ มีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันเงินดอลลาร์ที่จีนถือไว้ก็เสื่อมค่าลงไปเรื่อยๆ เป็นผลร้ายกับจีนเอง เพราะตอนที่จีนผลิตสินค้าขายให้อเมริกา ค่าเงินดอลลาร์ยังแพงอยู่ จีนต้องใช้สินค้าและบริการจำนวนมากเพื่อแลกกับเงินดอลลาร์

แต่เมื่อเงินดอลลาร์ลดค่าลงก็เท่ากับทรัพย์สินของจีนที่ถือไว้ในรูปดอลลาร์ก็เสื่อมค่าลงด้วย ถ้าทั้งสองฝ่ายใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเสรี อัตราแลกเปลี่ยนก็จะเป็นตัวปรับ

เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ต่อไปไม่ได้ก็ต้องมีการเจรจาปรับความสมดุลทางการค้าระหว่างกันเสียใหม่ ถ้าเป็นสมัยโบราณที่ใช้ทองคำเป็นเงินตราก็จะเกิดสงครามกัน เช่น สงครามฝิ่น เพราะทองคำจะหมดท้องพระคลังของอังกฤษ เมื่อมีคนใช้เงินกระดาษและไม่ได้อยู่ในมาตรฐานทองคำหรือ gold standard เช่นทุกวันนี้ ก็จะปรากฏอยู่ในยอดหนี้ของประเทศ ต้องชำระดอกเบี้ยและเงินต้นด้วยภาษีอากรที่เก็บจากประชาชน หรือเพิ่มปริมาณเงินโดยธนาคารกลางซึ่งค่าเงินจะอ่อนลง

Advertisement

ถ้าไม่ต้องการให้ค่าเงินอ่อนลงก็ต้องขึ้นดอกเบี้ย การขึ้นดอกเบี้ยก็จะยิ่งทำให้ภาระการชำระดอกเบี้ยกับเจ้าหนี้สูงขึ้นไปอีก กลายเป็นงูกินหาง ค่าเงินแทนที่จะสูงขึ้นกลับจะอ่อนลงก็ได้ดังเช่นสถานการณ์ในสหรัฐอเมริกาทุกวันนี้ ธนาคารกลางอเมริกาประกาศขึ้นดอกเบี้ยเป็นระยะๆ ซึ่งแทนที่ค่าเงินดอลลาร์จะแข็งขึ้นแต่กลับอ่อนค่าลง กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ตรงกับตำราที่เรียนกันในมหาวิทยาลัย เป็นการคาดการณ์ที่ผิดของทางการอเมริกัน

ถ้าสถานการณ์เป็นอย่างที่เป็นอยู่ สหรัฐอเมริกาต้องขึ้นภาษีอากร การใช้จ่ายและฐานะความเป็นอยู่ของคนอเมริกันลดลง ซึ่งจะทำให้การว่างงานของคนอเมริกันมีมากขึ้น ซึ่งโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น จึงประกาศจะขึ้นภาษีขาเข้าจากสินค้าและบริการที่มาจากเมืองจีน แม้จีนจะโต้ตอบด้วยมาตรการเดียวกัน ในทางเศรษฐกิจจีนเสียหายมากกว่าอเมริกา แต่ในทางการเมืองอเมริกาเสียหายมากกว่าจีน เพราะทั้งผู้บริโภคและผู้ลงทุนอเมริกันมีอิทธิพลต่อรัฐบาลอเมริกันมากกว่า

แม้ในระยะแรกทรัมป์จะได้คะแนนเสียงจากการประกาศนโยบายดังกล่าว แต่ถ้าทำจริงสังคมอเมริกัน ซึ่งเป็นสังคมบริโภคนิยมจะโวยวายดังกว่า จะส่งผลต่อการเลือกตั้งคราวหน้า และอาจจะมีผลต่อคะแนนเสียงในพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ด้วยเหตุที่ทั้ง 2 ฝ่ายมองเห็นผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับตน จีนจึงเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอประนีประนอม จะปรับนโยบายการค้ากับอเมริกาเพื่อให้การค้าของตนเข้าสู่ภาวะสมดุลใน 6 ปีข้างหน้า ซึ่งก็เท่ากับจีนจะต้องซื้อสินค้าและบริการจากอเมริกามากขึ้น เพื่อให้ดุลการค้าระหว่างจีนกับอเมริกาเข้าสู่ภาวะสมดุลใน 6 ปีข้างหน้า

พลังการซื้อของจีนไม่มีปัญหา เพราะจีนมีเงินดอลลาร์มาก ปัญหาก็คืออเมริกาจะมีอะไรขายให้กับจีน จะใช้นโยบายเรือปืนอย่างสมัยสงครามฝิ่นก็คงทำไม่ได้ นอกจากต้องขายเทคโนโลยีอวกาศและเทคโนโลยีทางทหารที่จีนอยากได้ เพราะจีนยังตามอเมริกาไม่ทัน แต่อเมริกาก็ไม่อยากขายให้ การต่อรองจึงเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แม้ว่าจีนประกาศนโยบายดังกล่าว รัฐมนตรีการคลังของสหรัฐก็ประกาศตอบสนองทันที โดยการเลื่อนการขึ้นภาษีกับจีนและลดภาษีที่ได้ขึ้นไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะผู้สนับสนุนพรรคการเมืองในอเมริกาก็คือทุนขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวยิวที่เป็นเจ้าของกิจการในประเทศจีนที่ใช้แรงงานจีนส่งของไปขายในอเมริกา

การข่มขู่ของทรัมป์ว่าจะต้องลดการขาดดุลกับจีนให้ได้ โดยบังคับให้จีนซื้อของจากอเมริกาให้มากขึ้น จนการค้าระหว่างอเมริกากับจีนได้ดุลภายในเวลา 6 ปี ในรายละเอียดก็จะมีการเจรจาระหว่างกันต่อไป ปัญหาก็คือจีนไม่มีอะไรจะซื้อจากอเมริกามากนัก นอกจากสินค้าเทคโนโลยีที่อเมริกาหวงและต้องการเก็บเป็นความลับ เพราะอ่อนไหวต่อความมั่นคงทางทหารและความเป็นผู้นำทางอวกาศ ซึ่งจีนก็ไล่หลังมาติดๆ

ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคนั้นเช่น รถยนต์ รถไฟความเร็วสูง เครื่องบิน เรือดำน้ำ เรือเดินสมุทร อเมริกาก็หมดความได้เปรียบมานานแล้ว แม้แต่อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในกองทัพ จีนก็พัฒนาขึ้นมาแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย โดยสามารถขายได้ในราคาที่ถูกกว่ามาก

อย่างไรก็ตาม ตลาดอเมริกาก็ยังเป็นตลาดสำคัญที่จะทำให้จีนสามารถก้าวต่อไปข้างหน้าในทางเศรษฐกิจได้ การที่จีนยอมอ่อนข้อให้กับอเมริกาโดยสัญญาว่าจะซื้อของจากอเมริกามากขึ้นจนการขาดดุลของอเมริกากับจีนหายไปใน 6 ปี ก็เป็นประโยชน์กับจีนด้วย เพราะต่อไปจีนจะลดการได้เปรียบการค้าลงและได้เทคโนโลยีจากอเมริกามากขึ้น การที่กองทุนของบริษัทอเมริกันจะโยกย้ายกลับอเมริกาหรือลงทุนในอเมริกาเองคงจะเป็นไปได้ยาก เพราะจะหาแรงงานที่มีฝีมือในสหรัฐมาทำงานคงจะยาก ต้องอาศัยแรงงานผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเม็กซิโกมาใช้

การข่มขู่โต้ตอบกันไปมาระหว่างทรัมป์กับสี จึงเป็นการทำสงครามน้ำลายกันมากกว่าการทำสงครามการค้ากันจริงจังอย่างที่เราวิตก เมื่อทรัมป์หาเสียงด้วยการประกาศนโยบายลดการนำเข้าจากจีน เพื่อนำงานกลับมาให้คนอเมริกันทำ จีนก็โต้ตอบด้วยการประกาศว่าจีนจะขึ้นภาษีกับสินค้าอเมริกันเพื่อลดการนำเข้าจากอเมริกาในอัตราเดียวกัน

ทั้ง 2 ฝ่ายไม่น่าจะทำ เพราะจะทำความเสียหายให้กับทั้ง 2 ฝ่ายเอง แม้จะได้คะแนนจากประชาชนของตนในแง่ความสะใจ แต่จะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจทั้ง 2 ฝ่าย และเบื้องหลังทุนของอเมริกาก็แฝงอยู่ในโรงงานของจีน จีนก็แอบซื้อเทคโนโลยีจากอเมริกันโดยที่รัฐบาลอเมริกันก็หลับตาข้างหนึ่ง ไม่ทำอะไรที่เป็นรูปธรรม

ความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับทั้ง 2 ฝ่าย จะไม่มีฝ่ายใดรับได้ในที่สุด สงครามการค้าระหว่างอเมริกากับจีนนั้นไม่เกิดง่ายๆ หรอก คงจะเป็นสงครามน้ำลายไปเรื่อยๆ ไม่ต้องวิตกจนเกินไป

แต่เราอย่าทำอย่างจีนกับอเมริกาก็แล้วกัน เราไม่ใหญ่พอ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image