คืน 8 ก.พ. : วีรพงษ์ รามางกูร

เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ นั่งดูข่าวโทรทัศน์ตามปกติไปจนถึงเวลาเข้านอน เป็นกิจประจำวันที่ต้องติดตามข่าว ก็ดูจะเป็นปกติ แต่ถ้าเป็นวันศุกร์ก็จะมีชั่วโมงหยุดพักเพื่อประหยัดไฟสักหน่อย ก็หลับๆ ตื่นๆ ดูข่าวต่อไป แต่ที่ประหลาดใจจนต้องคอยติดตามก็เพราะมีข่าวว่าจะมีการถ่ายทอดจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เดาไม่ถูกว่าจะเป็นข่าวอะไร แต่คิดว่าต้องเป็นข่าวสำคัญของทางราชการ

มีโทรศัพท์จากพรรคพวก 2-3 ราย โทรมาบอกว่าให้คอยฟังข่าวสำคัญจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ จึงอดทนนั่งฟังรอดูต่อไป จนมีพระราชโองการของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อเวลา 22.40 น. จึงได้ทราบว่าข่าวใหญ่ดังกล่าวคืออะไร

วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ อันเป็นวันสุดท้ายที่พรรคการเมืองจะต้องยื่นรายชื่อบุคคลที่ตนจะเสนอให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ได้รับทราบว่าพรรคไทยรักษาชาติเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิง ทางพรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ก็ไม่ได้นึกอะไรมาก แต่แปลกใจว่าทำไมพรรคพลังประชารัฐยังเสนอชื่อแข่งกับพรรคไทยรักษาชาติ หรือพรรค ทษช. เมื่อถึงตอนเย็นก็ดูข่าวต่างประเทศแล้วก็มาดูข่าวในประเทศ ก็เป็นไปโดยปกติ ไม่ได้คิดอะไรมาก เตรียมตัวจะเข้านอนเพราะมีนัดจะต้องตื่นแต่เช้าวันเสาร์ 9 กุมภาพันธ์ และก็มีอันจะต้องรอฟังข่าวสำคัญดังกล่าวตอนดึก ซึ่งก็เป็นข่าวใหญ่ขนาดฟ้าถล่มดินทลายจริงๆ ฝุ่นฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วทุกทิศ

หลังจากฟ้าถล่มดินทลาย ฝุ่นที่ฟุ้งกระจายเริ่มจางลง ก็เห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่า รัฐบาลปัจจุบันรวมทั้งนายกรัฐมนตรีคงจะกลับมาเป็นรัฐบาลต่อไปอีก อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า 5 ปี เพราะพรรคคู่แข่งได้แพ้พ่ายตนเองไปแล้ว อย่าว่าแต่จะชนะเลือกตั้งเลย ทษช.อาจจะถูกยุบพรรค กรรมการบริหารพรรคอาจจะถูกห้ามเล่นการเมือง หรืออาจจะถูกข้อหาอาญาก็ได้ ไม่มีใครทราบได้

Advertisement

ความอึมครึม ความไม่แน่นอน เกิดขึ้นทันทีกับคู่แข่งของพรรครัฐบาล ทางฝ่ายรัฐบาลจึงได้เปรียบฝ่ายตรงกันข้ามทุกประการโดยไม่ต้องรอถึงวันเลือกตั้ง 24 มีนาคม เสียด้วยซ้ำเป็นที่แน่นอน

พรรคการเมืองต่างๆ ไม่ต้องได้เลือกรัฐบาล แต่รัฐบาลต่างหากที่เป็นฝ่ายเลือกพรรคเข้าร่วมรัฐบาล ที่พร้อมอยู่แล้วก็มีพรรคประชาธิปัตย์และพรรคอื่นๆ ชื่อแปลกๆ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ โดยมีพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวยืน เป็นแกนนำ พรรคอื่นเป็นอันหมดสิทธิ เพราะมีวุฒิสมาชิก 250 คน มาร่วมลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยตามสูตรเผด็จการครึ่งใบ ก็ยังดีกว่าเผด็จการเต็มใบอย่างที่ผ่านมาในรอบ 5 ปีที่แล้ว

เมื่อมีแผ่นดินไหวขนาดฟ้าถล่มดินทลายแล้ว ก็มักจะต้องมีแผ่นดินไหวขนาดเล็กตามมา อย่างที่เรียกว่า after shocks เสมอ ขณะนี้หลายคนจึงติดตามข่าวว่าจะมีแผ่นดินไหวลูกที่ 2 และลูกที่ 3 หรือไม่ หรือจะเกิดสึนามิตามมาด้วยซ้ำ

Advertisement

อำนาจนั้นเมื่อได้มาแล้วก็ยากที่จะปล่อยมือจากมัน ไม่ว่าอำนาจนั้นจะได้มาโดยวิธีการใด เพียงแต่จะสร้างภาพอย่างไรให้สอดคล้องกับแนวโน้มของประชาคมโลก ที่พยายามกดดันให้มีระบอบประชาธิปไตย เพราะเป็นระบอบที่มีการผลัดเปลี่ยนอำนาจโดยสันติวิธี ไม่ใช่โดยวิธีรุนแรงผ่านทางกระบอกปืนเหมือนกับระบอบเผด็จการ แม้จะมีการเลือกตั้ง มีสภาผู้แทนราษฎร ก็เป็นเพียงการจัดฉาก อำนาจที่แท้จริงอยู่ที่การแต่งตั้งวุฒิสภาที่มีสิทธิในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวาระเริ่มแรกด้วย

เมื่อเวลาผ่านไปหลังจากเกิดเหตุการณ์ฟ้าถล่มดินทลาย โดยไม่มีใครคาดฝัน ก็เกิดความแน่นอนว่ารัฐบาลหน้าจะเป็นชุดเดิม แต่ความไม่แน่นอนในเสถียรภาพจะไม่มีวันเหมือนเมื่อคราวเข้าสู่อำนาจ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เพราะสถานการณ์ต่างๆ และสิ่งแวดล้อมได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว ไม่ได้อยู่คงที่ ตามหลักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือไตรลักษณ์ของทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เคยปรากฏขึ้นมาแล้ว อำนาจนั้นยิ่งอยู่นานก็ยิ่งติด แต่ขณะเดียวกัน เสถียรภาพยิ่งอยู่นานก็ยิ่งอ่อนแอลง โดยไม่มีใครเห็นและเจ้าตัวไม่ตระหนัก

เพราะไม่มีการแสดงออกให้เห็นแต่ซ่อนอยู่ภายใน

การเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 24 มีนาคมปีนี้ น่าจะกร่อยเป็นพิเศษ สังเกตได้จากป้ายหาเสียง การปราศรัยหาเสียงก็ดูจะกร่อยเป็นพิเศษ ต่างจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งก่อนๆ พรรคการเมืองบางพรรคลดจำนวนป้ายหาเสียงลงเป็นจำนวนมาก ป้ายหาเสียงที่เห็นจำนวนมากก็เป็นของพรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเล็ก พรรคที่อยู่ฝ่ายสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเผด็จการที่มาจากการทำรัฐประหาร และอาจจะเป็นพรรคที่มีการกำหนดเพดานการใช้เงินของพรรคการเมืองและผู้สมัครแต่ละคนในการหาเสียง

ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งซึ่งกฎหมายถือว่าเป็นหน้าที่ หากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่มีเหตุอันควร เช่น เจ็บป่วย ก็จะเสียสิทธิทางการเมืองหลายอย่าง ถ้ารู้ว่าจะไปใช้สิทธิในวันเลือกตั้งไม่ได้ก็ต้องไปลงคะแนนเสียงล่วงหน้าโดยทั่วไป ประเทศอื่นไม่ถือว่าเป็นหน้าที่ ถือว่าเป็นสิทธิ จะใช้หรือไม่ใช้สิทธิเช่นว่านี้ก็ได้ บางแห่งต้องไปลงทะเบียนขอมีสิทธิเลือกตั้งก่อนจึงมีสิทธิ ไม่ใช่มีสิทธิโดยอัตโนมัติ

จำนวนผู้ทำหน้าที่เลือกตั้งน่าจะมากเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่ความคึกคักกระตือรือร้นดูจะน้อยและเนือยๆ ไป ไม่เหมือนกับการเลือกตั้งทั่วไปคราวก่อนๆ

กระแสข่าวว่าพรรคไทยรักษาชาติจะถูกลงโทษจนถูกยุบพรรค กรรมการบริหารจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง ค่อนข้างหนาหู ดังนั้นคะแนนเสียงที่พรรคไทยรักษาชาติที่น่าจะได้ถ้าไม่ถูกยุบไปก่อนและพรรคเพื่อไทยคงจะน้อยลง ก็จะยิ่งทำให้บรรยากาศการเลือกตั้งและการเมืองยิ่งเงียบเหงาวังเวงมากยิ่งขึ้น เพราะทุกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรเสียรัฐบาลก็คงกลับมา และเป็นไปไม่ได้ที่พรรคเพื่อไทยจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ขณะเดียวกันเมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ส่งเรื่องไปให้อนุกรรมการพิจารณาโทษพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งทุกคนก็คิดว่าคงจะถูกยุบพรรค แกนนำคนสำคัญๆ หลายคนของพรรคเพื่อไทยที่แบ่งมาลงในนามพรรคไทยรักษาชาติ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวถล่มทลายอย่างนี้ก็เป็นอันเคว้งคว้าง งงเป็นไก่ตาแตก ยังไม่ทราบจะทำอย่างไรดี

การเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2562 จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายยังงงๆ กันอยู่ ไม่รู้จะวางหมากวางกลในทางการเมืองอย่างไรสำหรับฝ่ายที่สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย แต่สำหรับฝ่ายที่สนับสนุนการสืบทอดเผด็จการทหารคงไม่ต้องทำอะไร เตรียมตัวเป็นรัฐบาลได้ เพียงแต่จะเอากี่สมัยเท่านั้นเอง

ในอนาคตข้างหน้า โอกาสที่จะมีสึนามิทางการเมืองก็คงจะมี เพราะโครงสร้างการเมืองแปลกๆ ที่มีการเลือกตั้งแต่พรรคการเมืองที่มีเสียงมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎรจะไม่สามารถเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้ เป็นพรรคการเมืองที่มีเสียงน้อยกว่าที่จะสามารถรวบรวมพรรคการเมืองอื่นๆ จัดตั้งรัฐบาลได้

สถานการณ์ดังกล่าวเช่นว่า จะเป็นการสะสมความอึดอัด เป็นไฟระอุสุมอยู่ในอก เป็นระบบที่ไม่มีช่องให้ระบายความกดดันให้ผ่อนคลาย แม้จะยังไม่แสดงอาการ แต่ “ความกดดันแฝง” ในสังคมก็จะค่อยๆ ก่อตัวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีทางออกก็จะเกิดระเบิดขึ้นในวันหนึ่ง

ไม่เกิน 2-3 ปีข้างหน้า

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image