รุกรับ การเมือง บัญชี นายกรัฐมนตรี บนเวที ‘ดีเบต’

ยิ่งวันที่ 24 มีนาคม ย่างสามขุมใกล้เข้ามาเท่าใด โอกาสที่พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทยจะเสียเปรียบทางการเมือง

ยิ่งจะเป็นด้านหลัก

นี่ย่อมเป็น “บทสรุป” ที่ขัดแย้งกับการประเมินโดยนักยุทธวิธีภายในพรรคพลังประชารัฐประสานเข้ากับพรรครวมพลังประชาชาติไทย

เพราะเห็นว่ากฎกติกาเอื้อให้กับพวกตน

Advertisement

เหมือนที่เคยเอื้อให้กับ 4 รัฐมนตรีก่อนหน้านี้ เหมือนที่เคยเอื้อให้กับการเคลื่อนไหวของ “กลุ่มสามมิตร” ก่อนหน้านี้

การยื้อให้ “แคนดิเดต” นายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่ง จึงน่าจะเป็นจุดได้เปรียบ

ได้เปรียบทั้งในสถานะแห่ง 1 หัวหน้า คสช. ผนวกเข้ากับสถานะแห่ง 1 หัวหน้ารัฐบาลซ่างก็คือ นายกรัฐมนตรี และ 1 การเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียวมากด้วยความโดดเด่น

แต่ ณ วันนี้ จุดได้เปรียบเช่นนี้เริ่มจะมิใช่ต่อไปอีกแล้ว

บรรยากาศแห่งการเลือกตั้งมาพร้อมกับอะไร บรรยากาศแห่งการเลือกตั้งมาพร้อมกับสถานการณ์แห่งการแข่งขันเพื่อชิงความได้เปรียบ

ขอให้ดูง่ายๆ จากสถานการณ์ “ดีเบต”

มีเสียงเรียกร้องต้องการในเรื่องของการ “ดีเบต” ระหว่างแต่ละพรรคการเมืองอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะระหว่างโฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทยกับพรรคอนาคตใหม่ในกรณีกองทัพ

ไม่ว่าจะระหว่าง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ กับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

ที่แหลมคมมากยิ่งกว่านั้นก็คือ การดีเบตระหว่างแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรคการเมือง บนเวทีที่เสมอภาคและสร้างสรรค์

ทุกพรรคการเมืองสามารถชู “แคนดิเดต” ของตนได้อย่างองอาจ

ตรงกันข้าม พรรคพลังประชารัฐ

พรรครวมพลังประชาชาติไทย ไม่สามารถชู “แคนดิเดต” นายกรัฐมนตรีเพียงหนึ่งเดียวของตนได้

แล้วจะทำให้ “ประชาชน” ตัดสินใจเลือกได้อย่างไร

ขอให้ดูจากสภาพความเป็นจริงของการจัดเวทีดีเบต ไม่ว่าจะเป็นของไทยรัฐทีวี ไม่ว่าจะเป็นของมติชนทีวี ไม่ว่าจะเป็นช่อง อสมท

พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มีความพร้อมพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มากด้วยความพร้อม ยิ่ง พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยิ่งรออยู่แล้ว

แต่พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทยมีหรือไม่

ตรงกันข้าม เท่าที่เห็นมา 3 เวทีสาธารณะ 2 เวทีแรกเป็น นายอุตตม สาวนายน 1 เวทีหลังเป็น นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล

จริงอยู่ นายอุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล เป็นโฆษกพรรค

แต่ถึงอย่างไร ทั้ง นายอุตตม สาวนายน ทั้ง นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ก็มิใช่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะมองจากพรรคพลังประชารัฐหรือพรรครวมพลังประชาชาติไทยก็ตาม

ยิ่งใกล้ถึงวันที่ 24 มีนาคม จะยิ่งเป็น “จุดอ่อน”

จากนี้จึงเห็นได้ว่า สภาพการณ์ทาง

การเมืองที่เคยคิดว่าเป็นฝ่ายได้เปรียบ เป็นฝ่ายเปิดเกมรุกท่ามกลางการเคลื่อนไหวอาจไม่เป็นไปเช่นนั้น

ที่คิดว่าได้เปรียบ อาจเป็นการเสียเปรียบ

ที่คิดว่าเป็นการรุกกระทั่งทำให้ฝ่ายตรงกันข้ามเข้าตาจน ไปไม่ถูก ก็อาจกลับกลายเป็นฝ่ายตั้งรับและอีกฝ่ายต่างหากที่อยู่ในสถานะรุก

ยิ่งใกล้ถึงวันที่ 24 มีนาคม จะยิ่งมองเห็นเด่นชัด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image