เอาพรรค ไม่เอาประยุทธ์ : โดย สมหมาย ปาริจฉัตต์

การประกาศจุดยืนของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่มีวันละทิ้งอุดมการณ์ไปร่วมกับการทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจ ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อ
กลายเป็นเงื่อนไขทางการเมืองที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทุกพรรค

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลังประชารัฐ (พปชร.) กับรวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) 2 พรรคหลัก ที่ประกาศอุ้ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างสุดจิตสุดใจ นั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปให้ได้
แกนนำพรรคพลังประชารัฐถึงต้องออกมาตั้งคำถาม นั่นหมายความว่าประชาธิปัตย์จะไปร่วมกับพรรคเพื่อไทย เครือข่ายทักษิณ ใช่หรือไม่

คำถามเพื่อตัดคะแนนเสียงที่ว่าทำให้ขุนพลรุ่นรองของพรรคประชาธิปัตย์ ดาหน้าเรียงแถวแถลงชี้แจงทันทีในวันต่อมาว่า ไม่มีทางเป็นไปเช่นนั้น หากเพื่อไทยยังไม่หลุดพ้นจากการครอบงำของครอบครัวชินวัตร และไม่ปิดกั้นการร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ที่ยังยืนยันอยู่ก็คือ ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างแน่นอน

เอาพรรค ไม่เอาประยุทธ์ ว่างั้นเถอะ

Advertisement

ครับ เซียนการเมืองรุ่นไหน ฟังแล้วก็เกิดคำถามเหมือนว่า ในความเป็นจริงจะเป็นไปได้อย่างไร พลังประชารัฐจะยินยอมหรือ ในเมื่อกอดคอ เกื้อหนุนกันมาตลอด 5 ปี ถ้ายอมเช่นนั้นก็เท่ากับถูกทุบกล่องดวงใจให้แหลกสลายไปเท่านั้น
ที่สำคัญโอกาสและอำนาจต่อรองของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีมากพออยู่ในมือ ที่แน่ๆ ก็คือ 250 มือของวุฒิสมาชิกที่กำลังจะเป็นผู้เสนอแต่งตั้งด้วยมือตัวเอง ภายหลังรู้ผลการเลือกตั้งไม่กี่วัน
หลังรู้ผลการเลือกตั้งเหตุการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายไปตามลำดับ เอาพรรค ไม่เอาลุงตู่ จะเป็นไปได้หรือไม่ ยกเว้นแต่ว่าเกิดเปลี่ยนใจ แอบจับไม้จับมือ ตกลงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันลงตัวกันหลังฉากเสียก่อน นั่นอีกเรื่องหนึ่ง

การที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจประกาศท่าทีเช่นนี้ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ย่อมผ่านการวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์แล้วว่า ความชัดเจนจะทำให้คะแนนนิยมของพรรคในคูหาเลือกตั้งเพิ่มมากขึ้น แฟนคลับพรรคที่สนับสนุนจุดยืนประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ เกิดความมั่นใจในการกาบัตร ขณะที่กระแสสังคมคัดค้านการสืบทอดอำนาจสูง สอดคล้องกับอุดมการณ์ของพรรคที่ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตยมาตลอด

ความชัดเจน เปิดเผย โปร่งใส ตรงไปตรงมา ทำให้หายอึมครึม งึมงำ วิตก สงสัย ไม่แน่ใจ เป็นเงื่อนไขต่อเสถียรภาพของระบอบประชาธิปไตยที่สำคัญประการหนึ่ง ทำให้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ใส่เกียร์เดินหน้าเต็มตัว

Advertisement

ปรากฏว่าเกิดรายการอาฟเตอร์ช็อกจากอีกพรรค รวมพลังประชาชาติไทย ลุงกำนันฟิวส์ขาดประกาศบนเวทีปราศรัย ย้อนเกล็ดเผ็ดมัน “คุณเป็นนายกฯได้เพราะผม ถ้าไม่มีผมชาติหน้าก็ไม่มีทางได้เป็น” ตามมาทันที
เบื้องหน้าการปะทุอารมณ์ ทวงบุญทวงคุณ เพิ่มสีสันทางการเมือง ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อน เพราะความโกรธโดยแท้ อดทนต่อความเห็นต่าง คิดต่าง ทำต่างไม่ได้ เชื่อว่าแนวทางของข้าดีกว่า นั่นเอง
ทำให้คอการเมืองต้องอ้างคำสอนของพระพุทธองค์ “ความโกรธย่อมฆ่าผู้โกรธ ไม่ได้ฆ่าผู้ทำให้เราโกรธ” มาช่วยดับระงับโกรธ ก่อนที่จะไปกันใหญ่ อามิตพุทธ
ถึงอย่างไรก็ตาม ท่าทีของแต่ละฝ่ายล้วนหวังผลทางการเมืองด้วยกันทั้งสิ้น คำประกาศจุดยืนของทุกคนล้วนเป็นคำสัญญาสาธารณะที่จะเป็นปัจจัยให้ผู้ลงคะแนนเสียงตัดสินใจเองว่าจะเชื่อถือใครมากกว่ากัน ก่อนหย่อนบัตรให้คนนั้น

การเลือกตั้งครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงแค่การต่อสู้ระหว่างวาทกรรม เอาทักษิณ หรือไม่เอาทักษิณ แต่เหนือไปกว่านั้นคือ เอาประชาธิปไตยหรือเอาเผด็จการ

ทำให้สังคมได้หวนคิดพิจารณาถึงคำต่างๆ เหล่านี้อย่างลึกซึ้งถึงแก่นอีกครั้ง ประชาธิปไตยสากล ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ระบอบทักษิณ ระบอบเผด็จการ เผด็จการทหาร เผด็จการทุนสามานย์ เผด็จการโดยเสียงข้างมาก ทรราชเสียงข้างน้อย สังคมการเมืองไทยขณะนี้และอนาคตควรจะเดินไปทางไหน

แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ที่หัวหน้าพรรคประกาศจุดยืนล่าสุดก็ตาม มติที่ประชุมพรรคหลังผลการเลือกตั้งออกมา ที่จะตัดสินใจทางเลือกระหว่างเป็นรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้านจะเดินทางไหน จะเป็นไปตามที่ประกาศไว้หรือไม่

การต่อสู้ห้ำหั่นระหว่าง จุดยืนของหัวหน้าพรรคกับการเคารพมติพรรค มารยาททางการเมืองกับความถูกต้อง ผลประโยชน์ของพรรค กับประโยชน์สาธารณะ สิ่งใดควรมาก่อนและสำคัญที่สุด จะเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image