โค้งท้ายเลือกตั้ง คำถามไฉน-อนค. คือตำบลกระสุนตก

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

หากไม่นับพรรคไทยรักษาชาติที่ถูกสั่งยุบไปโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว

พรรคการเมืองและแกนนำของพรรคที่เผชิญ “วิบากกรรม” มากที่สุด

ไม่มีพรรคไหนเกินอนาคตใหม่

Advertisement

ประเด็นความผิดพลาดในการบันทึกประวัติของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค นำไปสู่ข้อร้องเรียนเรื่องการยุบพรรค

คำให้สัมภาษณ์ของนายธนาธรกับหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษฉบับหนึ่ง ถูกเครือของหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษอีกค่ายหนึ่ง ตัดต่อไปแบบย่นย่อว่า ภารกิจของอนาคตใหม่คือ “พาทักษิณกลับบ้าน”

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ถูกขุดคุ้ยคำให้สัมภาษณ์ตั้งแต่สมัยยังเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ว่าไม่จงรักภักดี

Advertisement

พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค เข้ารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์

การปิดตัวของเพจเฟซบุ๊กเซฟธนาธร ชนิดที่พรรคอนาคตใหม่ต้องออกมาแถลงว่า นี่ไม่ใช่เพจของพรรค หนำซ้ำยังมีพฤติกรรมน่าสงสัย

ฯลฯ

หลายคนอาจจะกล่าวว่านี่เป็นเรื่อง “กรรม” ที่แปลว่าการกระทำ

ใครทำอะไรไว้ ก็ย่อมต้องได้รับผลเช่นนั้น

แต่จะให้อธิบายว่าเหตุใดกรรมทั้งหลายจึงวิ่งเข้ามาในเวลาพร้อมเพรียงกัน

ทำไมนายธนาธรและคณะอนาคตใหม่ จึงกลายเป็น “ตำบลกระสุนตก”

มีคำอธิบายชุดหนึ่งว่า

เป็นเพราะการพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทั้งในโลกจริงและโลกเสมือนของพรรคอนาคตใหม่ นับตั้งแต่พรรคไทยรักษาชาติเริ่มเผชิญวิบากกรรม

และมีแนวโน้มชัดเจนตั้งแต่ก่อนวันที่ 7 มีนาคม ว่าจะต้องถูก “ยุบ” โดยไม่มีทางเลี่ยง

ส่วนหนึ่ง ทำให้คะแนนที่เคยจะสนับสนุนไทยรักษาชาติ ในเขตที่ไม่มีพรรคเพื่อไทยลงแข่งขัน “เท” ไปที่อนาคตใหม่

ส่วนหนึ่ง ทำให้คนจำนวนไม่น้อยที่ยืนกลางๆ หรือยังไม่แน่ใจว่าจะลงคะแนนเสียงให้พรรคไหน “เทใจ” มาให้อนาคตใหม่

ชนิดที่แม้กระทั่งผลสำรวจของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในภาคใต้

คะแนนของอนาคตใหม่นำหน้า “แชมป์เก่าตลอดกาล” อย่างประชาธิปัตย์ไปอย่างไม่เห็นฝุ่น

ฉะนั้น เมื่อเป็นดาวรุ่ง เมื่ออาจจะกลายร่างจากพรรคเล็กพรรคตัวประกอบ ขึ้นมาเป็น “พรรคตัวแปร” ในสมการการเมืองที่ยุ่งเหยิงซับซ้อนของการเลือกตั้งครั้งนี้

ก็ต้องเผชิญอุปสรรคขวากหนาม ถูก “เตะสกัด”

เป็นเป้าหมายของการบ่อนเซาะทำลายล้าง

ถามว่าอนาคตใหม่ “แรง” ขนาดนั้นจริงหรือ

เพจเฟซบุ๊ก Koon Wisessombat เปิดข้อมูลหลังบ้านของ Google เสิร์ชเอนจิ้นใหญ่ที่สุดของโลกให้ดู

ระบุว่าถ้าในรอบ 90 วัน การค้นชื่อธนาธรในโลกโซเชียลนำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 12-8

แต่ถ้าในช่วง 30 วันหลังสุด อัตราส่วนนี้จะเปลี่ยนเป็น 32-10

ในกรุงเทพมหานคร ธนาธรคนเดียวครองยอดเสิร์ชไป 60%

นครราชสีมา ธนาธร-พล.ประยุทธ์คือ 48/25, อุบลราชธานี 64/5, ขอนแก่น 49/24

เชียงใหม่ 66/15, สงขลา 41/32 โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีสถิติผู้ค้นชื่อผ่าน Google จากพื้นที่นี้เพียง 9%

ที่น่าสนใจคือ นครศรีธรรมราช ธนาธร-92 พล.อ.ประยุทธ์ 8

แม้แต่จังหวัดชัยภูมิที่กระแส พล.อ.ประยุทธ์ ดีที่สุดก็ยังน้อยกว่าธนาธร

00ที่ 44/56

กลับไปดูสถิติย้อนหลังของ Google Trends ตามไทม์ไลน์ที่มีการเลือกตั้งตั้งแต่ปี 2550

จะพบว่า Google Trends ทำนายถูกทั้งหมด

โดยปี 2550 นายสมัคร สุนทรเวช ชนะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ปี 2554 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชนะนายอภิสิทธิ์ขาดลอย

เลือกตั้ง 2557 แม้จะโมฆะ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ชนะนายอภิสิทธิ์

พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นเทรนด์พุ่งปรี๊ดช่วงรัฐประหาร

แต่มาปี 2562 ใน Google Trends จะเห็นการแข่งขันของคู่ใหม่คือนายธนาธร-พล.อ.ประยุทธ์

ถ้าแนวโน้มยังดำเนินตาม “แพตเทิร์นเลือกตั้ง” ตั้งแต่ปี 2550 จนปัจจุบัน

ก็จะเห็นแล้วว่าใครคือว่าที่นายกรัฐมนตรี “ที่มาจากการเลือกตั้ง”

ข้อมูลหลังบ้าน Google ไม่ใช่ความลับอะไร

ใครมีความสามารถก็ล้วงเข้าไปดูได้

ชาวบ้านเห็น พรรคการเมืองเห็น ผู้มีอำนาจก็เห็น

เห็นแล้วว่า ตำบลกระสุนตกมาได้อย่างไร

เกาะติดการเมือง กับ Line@มติชนการเมือง

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image