บิดเบือนเจตนารมณ์ฝ่ายค้านอิสระ : สมหมาย ปาริจฉัตต์

คุณพริษฐ์ วัชรสินธุ์ หรือไอติม แกนนำกลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคประชาธิปัตย์ช่วยคิดเสนอทางออกให้พรรคเลือกแนวทางเป็นฝ่ายค้านอิสระ ปรากฏว่าถูกคนนอกพรรคอัดเสียน่วม ให้กลับไปฟังเพลงชาติและไล่ส่งไปอยู่พรรคอนาคตหมด ยังไม่มีใครออกมาปกป้องนอกจากคุณอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค สอนมวยกลับให้ยอมรับสิทธิของคนอื่นและเคารพความเห็นต่าง

ครับ ติดตามความเป็นไปแล้วทำให้คิดถึงอดีต ส.ส.ปากกล้าทั้งหลายแหล่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยอัดสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นผ้าเช็ดท็อปบู๊ต ไม่รู้วันนี้หายหน้าไปไหน

ปล่อยให้คนรุ่นใหม่ถูกบิดเบือนเจตนาอันบริสุทธิ์ แปรเป็นความไร้เดียงสา ตั้งคำถามกลับคนรุ่นใหม่ ไกลไปโน่น ฝ่ายค้านอิสระหมายความว่าสุดารัตน์เป็นนายกฯใช่หรือไม่

ถ้าติดตามความคิด ความเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้ สามารถวิเคราะห์จุดยืนทางการเมืองได้ไม่ยาก ฝ่ายค้านอิสระ ก็คือเป็นตัวของตัวเอง ไม่ผูกมัดกับข้างไหน ไม่เอาทั้งเผด็จการ ไม่เอาทั้งทักษิณ ตัดสินใจแยกแยะเป็นกรณีๆ ไป ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก เอาความจริงเป็นตัวตั้ง

Advertisement

การกล่าวหา และสวมหมวกให้คนคิดต่าง ทำต่าง เป็นพวกโลกสวย เป็นเหยื่อพรรคแนวร่วมฝ่ายประชาธิปไตย จึงไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะต้องการกดดันพรรคประชาธิปัตย์ให้หันไปจับขั้วกับพรรคพลังประชารัฐ สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้เท่านั้นเอง

ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าโอกาสความเป็นไปได้มีสูงมากกว่าใครต่อใครทั้งสิ้นอยู่แล้ว เพราะมีวุฒิสมาชิก 250 มือที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะเป็นผู้เสนอแต่งตั้งอยู่ในมือ ถึงอย่างไรก็ได้นั่งเก้าอี้ต่อ ฝั่งตรงข้ามไม่สามารถที่จะหาเสียงที่ไหนมาเพิ่มให้ได้เกินกึ่งหนึ่ง คือ 376 เสียง

พรรคแนวร่วมประชาธิปไตย 6 พรรค 255 เสียงต่อให้รวมประชาธิปัตย์เข้าไปอีก 55 เสียง ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว ก็จะได้แค่ 310 เสียง ไม่เกินกึ่งหนึ่งที่จะโหวตให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี
ได้อยู่ดี

Advertisement

ด้วยเหตุที่มีเสียงวุฒิสมาชิกอยู่ในมือเป็นต้นทุนเดิมที่คนอื่นไม่มีนี่เองจึงทำให้พรรคฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ คึกคัก ฮึกเหิม เดินหน้าเต็มสูบ เพราะเชื่อว่าถึงอย่างไรก็ส่ง พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นฝั่งก่อนได้สำเร็จอย่างแน่นอน หลังจากนั้นก็จะมีอำนาจต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายว่าพรรคไหนจะได้เก้าอี้อะไร จำนวนเท่าไหร่

เมื่อโอกาสข้างหน้ามองอยู่เห็นๆ พอมีผู้เสนอแนวทางใหม่ทำให้เกิดความหวั่นไหว กลัวความหวังดับ เลยอาละวาดฟาดงวงฟาดงา ลงกับเด็กเมื่อวานซืน ไม่ยอมเป็นเด็กในคาถา ไม่คิดว่าคนรุ่นใหม่ก็รู้ เข้าใจ อ่านการเมืองออกทั้ง 2 ฝ่ายถึงทำให้เกิดทางเลือกเป็นฝ่ายค้านอิสระ ยังดีที่เด็กดีมีมารยาท ไม่ติดเชื้่อคนเก่าแก่ เชือดเฉือนกลับให้บ้างว่า แล้วลุงกับป้ามายุ่งอะไรกับพรรคผม

เรื่องนี้่จะจบลงอย่างไร บทเรียนของการถูกบิดเบือนเจตนารมณ์ที่แสนเจ็บปวด จะนำไปสู่การลดบทบาทของคนหนุ่มคนสาวลง หรือถึงขั้นโบกมืออำลาเพราะรับคนแก่ไม่ไหว ต้องติดตามกันต่อไป

การบิดเบือนเกิดจากผลประโยช์ทับซ้อนซึ่งล้วนอ้างในนามของความหวังดีต่อบ้านเมืองด้วยกันทั้งสิ้น ถูกกล่าวหาว่าไม่รักชาติเพียงเพราะว่าไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ แม้จะเสนอตัวเข้าสู่เส้นทางประชาธิปไตยแต่ก็มาพร้อมกับ 250 มือที่ฝ่ายอื่นไม่มี โดยอ้างในนามเจตนารมณ์ของประชาชนผู้ลงประชามติเห็นชอบ 18 ล้านเสียงต้องการเช่นนั้น

ทั้งๆ ที่เจตนารมณ์ดังกล่าวต้องการหาทางปลดล็อกหากถึงทางตันจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ขณะเดียวกันเพื่อให้ฝ่ายบริหารมีเสถียรภาพถ่วงดุลกับสภาผู้แทนราษฎร แต่เพราะแปรความหมายของเจตนารมณ์ไปไกลถึงขั้นต้องการให้หัวหน้า คสช.อยู่ในอำนาจต่อ พอมีผู้เสนอแนวทางใหม่ที่ต่างออกไป จะทำให้จำนวน ส.ส.ซึ่งน้อยกว่าอีกฝ่ายอยู่แล้วลดลงไปอีก ยิ่งอยู่ยาก บริหารลำบาก เลยรับไม่ได้ ต้องออกมาสั่งสอน อะไรทำนองนั้น

คุณไอติมเองก็รู้แนวโน้มของความได้เปรียบฝ่ายอื่นนี้ ฝ่ายบิดเบือนเจตนารมณ์ก็รู้เงื่อนไขนี้เช่นเดียวกัน แต่เพราะความกลัวการสืบทอดงานไม่สำเร็จอาจพลาดหวังเก้าอี้ ใครเสนอแนวทางอะไรออกมาขวางเลยเล่นงานไม่เลือกหน้า ไม่แยกแยะว่ามิตรหรือศัตรู คนรุ่นใหม่ที่ควรฟูมฟัก หรือคนรุ่นเก่าที่ควรฝังกลบ

ทั้งหลายทั้งปวงเป็นผลจากการออกแบบรัฐธรรมนูญทั้งวิธีการเลือกตั้งและวิธีการได้มาซึ่ง ส.ว. ทำให้เกิดมีพรรคเล็กพรรคน้อย ถูกมองเป็นปัญหา ล้วนเกิดจากเจตนารมณ์อันเดียวกันทั้งสิ้น เมื่อผลออกมาอย่างไรก็ควรยอมรับ มิใช่ว่าใครต้องการความเป็นอิสระ กลายเป็นพวกคนไม่ดี ไม่รักชาติ ดังที่เกิดขึ้น

กรณีนี้ สุดท้ายแล้วกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์และ ส.ส.ใหม่จะเลือกแนวทางใด เจ้าของวลีผ้าเช็ดท็อปบู๊ตจะออกมาอัดใครต่อใครอีกหรือไม่ ก่อนหรือหลังวันที่ 9 พฤษภาคมนี้คงได้เห็นกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image