ปัญหาที่ถกเถียงกันตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม กระทั่งผ่านสงกรานต์วันที่ 13 เมษายน และทำท่าจะยาวนานไปจนถึงหลังวันที่ 9 พฤษภาคม
เพราะว่าที่เชื่อว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา”
ไม่เป็นความจริง หรือถึงจะเป็นความจริง ก็มิได้เป็นความจริงอย่างครบถ้วน เบ็ดเสร็จและสมบูรณ์ตามความเชื่อ
แม้จะอ้างป๊อปปูลาร์โหวต 8.4 ล้านคะแนน
อาจจะเหนือกว่า 7.9 ล้านคะแนนของพรรคเพื่อไทย แต่พลันที่นำเอา 6.2 ล้านคะแนนของพรรคอนาคตใหม่เข้ามาบวก
ก็กลายเป็น 16.1 ล้านคะแนน
แม้จะเอา 4.1 แสนคะแนนของพรรครวมพลังประชาชาติไทย 4.5 หมื่นคะแนนของพรรคประชาชนปฏิรูปเข้ามาบวกกับ 8.4 ล้านของพรรคพลังประชารัฐก็ยังสู้พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนอะไร
ตัวเลข 16.1 ล้านคะแนนป๊อปปูลาร์โหวตของพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ คือ ตัวเลขคะแนนที่ไม่ต้องการการสืบทอดอำนาจ คสช.
เป็นตัวเลขที่ปฏิเสธ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แม้จะเอาตัวเลขของพรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคประชาชนปฏิรูป หรือกระทั่งพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา และพรรคประชาธิปัตย์มายัน
ก็ยังอยู่ในสถานะอันเป็น “รอง”
ทั้งนี้ แทบไม่จำเป็นต้องเอา 8.2 แสนคะแนนของพรรคเสรีรวมไทย 4.8 แสนคะแนนของพรรคประชาชาติ 8.1 หมื่นคะแนนของพรรคปวงชนชาวไทยมาก็ยังเหนือกว่า
ยิ่งหากทวงถามคำประกาศของพรรคภูมิใจไทย ของพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนเลือกตั้ง
ยิ่งก่อให้ 8.4 ล้านคะแนนของพรรคพลังประชารัฐยิ่งมีปัญหา ยิ่งทำให้การดึง 250 ส.ว.มาร่วมโหวตต้องกลายเป็นประเด็นร้อนฉ่า
จึงจำเป็นต้องดึงพรรคเศรษฐกิจใหม่ จึงจำเป็นต้องเล่นงานพรรคอนาคตใหม่
อย่าได้แปลกใจหากจะมีการปล่อยข่าวว่า 6 เสียงจากพรรคเศรษฐกิจไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐแน่นอน ประสานกับ 35 เสียงจาก 52 เสียงของพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งๆ ที่นี่คือรูปธรรมแห่งภาวะอับจน
ยิ่งในตอนค่ำวันเดียวกัน นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ออกแถลงการณ์ในนามพรรคเศรษฐกิจใหม่ปัดปฏิเสธการไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐโดยสิ้นเชิง
ยิ่งกลายเป็นเรื่องขายหน้า
ขณะเดียวกัน เมื่อประสบกับข้อเสนอว่าด้วย “รัฐบาลแห่งชาติ” ที่ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีลอยมาจากพรรคประชาธิปัตย์
ความโกรธเกรี้ยวจึงปรากฏที่พรรคพลังประชารัฐ
ไม่ว่าการปฏิเสธเรื่อง “รัฐบาลแห่งชาติ” จะตามมา ไม่ว่าความปั่นป่วนวุ่นวายในการคำนวณของ กกต.จะชวนให้ปวดสมองอย่างไร แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็น “อาการ” ของโรค
เพราะ “รัฐธรรมนูญ อักเสบ” ไม่เป็นไปตาม “ธง”
อย่าแปลกใจไปเลยที่ทั้ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล จะกลายเป็นตำบลกระสุนตกในทางการเมือง
เรื่องตั้งแต่ 6 ปีก่อนก็ตั้งเป็นคดี เรื่องตั้งแต่ 4 ปีก่อนก็ขุดขึ้นมา
คนที่ออกนอกหน้ามิใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นการแจ้งความกล่าวโทษโดย “คสช.” ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้า
เท่ากับเป็นความพยายาม “รุก” ในสภาวะแห่งการตั้ง “รับ” โดยแท้
