ตำบลกระสุนตก ธนาธร Strike Back ศึกหุ้นสื่อ-ลาม

สําหรับคนหมั่นไส้ หรือผู้ไม่ต้องการให้พรรคอนาคตใหม่ถือกำเนิด-เจริญเติบโต

การดำเนินคดี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในข้อหาการถือครองหุ้นบริษัทสื่อสารมวลชน

อาจจะเป็นไม้เด็ด-ไพ่ตาย

แต่สำหรับ “แฟนคลับ” หรือผู้ต้องการเห็นการเมืองในระบอบประชาธิปไตยก้าวเดินไปอย่างโปร่งใส-ยุติธรรม

Advertisement

การดำเนินคดีดังกล่าวกลับเป็นบ่อเกิดของปัญหาอีกหลายเรื่องที่ตามมา

ลองพิจารณา

30เมษายน

นายธนาธร และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เข้าพบ กกต. เพื่อชี้แจงกรณีการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด โดยนำหลักฐานจำนวน 26 รายการ มาชี้แจง

“สบายใจมาก และมั่นใจในการชี้แจงมาก ขอบคุณประชาชนที่คอยสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่

มาชี้แจงครั้งนี้ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก เดินเข้ามาไปชี้แจงด้วยความมั่นคง ยืนหยัดกับข้อเท็จจริง และเชื่อมั่นว่าในวันที่ 9 พ.ค.62 จะได้รับประกาศรับรองเป็น ส.ส. ไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ไม่เชื่อมั่น

เป็นความพยายามที่จะหยิบเอาประเด็นเล็กประเด็นน้อยมาตั้งข้อสงสัย และพูดซ้ำไปซ้ำมา ทำให้คนในสังคมเข้าใจผิดกันไปหมด

แต่ถ้าสู้กันด้วยข้อเท็จจริงแล้ว ไม่มีใครมีหลักฐานมาหักล้างเราได้เลย”

ด้านนายปิยบุตรกล่าวว่า ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือเรื่องผลทางกฎหมายของการโอนหุ้น

ซึ่งเรื่องนี้พยานหลักฐาน ข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง แนวคำพิพากษาศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งหมดสนับสนุนยืนยันว่า นายธนาธรไม่ได้ถือหุ้นสื่อแล้วในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง

แต่เนื่องจากมีสำนักข่าวรายหนึ่งตามถามไม่จบไม่สิ้น และเขียนข่าวในลักษณะชี้ชวนให้คนเข้าใจผิด จึงต้องชี้แจงเพิ่มเติม

หลักใหญ่ใจความอยู่ที่ว่าการโอนหุ้นสำเร็จตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562

เมื่อถามกรณีมีผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ 11 ราย ถูกร้องต่อ กกต. ให้ตรวจสอบกรณีถือหุ้นสื่อ

นายธนาธรกล่าวว่า เรื่องนี้สบายใจ มีผู้สมัคร ส.ส. พรรคอื่นอีกมากมายที่มีลักษณะเดียวกัน

ถ้าใช้บรรทัดฐานนี้ ส.ส.ทุกพรรคก็คงหายไปหมด

นายปิยบุตรกล่าวเสริมว่า ฝากไปถึงผู้ที่ร้องเรียน เรื่องต่างๆ เหล่านี้หากร้องเรียนเป็นเท็จ เพื่อมุ่งหมายให้ผู้สมัครใดๆ ถูกเพิกถอนสิทธิ

คนร้องเรียนมีโทษตาม มาตรา 143 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. โทษสูงสุดถึงจำคุก และมีโทษปรับด้วย

รวมถึงเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี

“ขอให้นักร้องเรียนทั้งหลายระวังเรื่องนี้ด้วย”

ประเด็นเรื่อง “ส.ส.ทุกพรรคอาจจะหายไปหมด” ของนายธนาธร

อาจจะไม่ได้เกินเลย

หากการบังคับใช้กฎหมายว่านักการเมืองที่ทำธุรกิจ และจดทะเบียนบริคณห์สนธิกิจการแบบ “ครอบจักรวาล” เป็นผู้ประกอบการสื่อสารมวลชนไปหมด

ตามแนวคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ที่ 1706/2562 ซึ่งตัดสิทธิผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่

1 พฤษภาคม

นายณรงค์ รุ่งธนวงศ์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลและสถิติ กองอำนวยการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย

ยื่นหนังสือถึง กกต. ขอให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรณี นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 15 มีนบุรี-คันนายาว กทม. พรรคพลังประชารัฐเป็นเจ้าของและผู้ถือหุ้นในบริษัทที่จดทะเบียนระบุวัตถุประสงค์ว่าประกอบกิจกรรมหนังสือพิมพ์ และสื่อมวลชน

ซึ่งมีลักษณะต้องห้ามไม่สามารถใช้สิทธิในการสมัคร ส.ส.

ล่าสุดยังตรวจสอบพบว่านายชาญวิทย์เป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย

ซึ่งพรรคพลังประชารัฐต้องมีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิด เนื่องจากหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด

ตนอยากให้ กกต.ตรวจสอบกรณีการถือหุ้นสื่อของผู้สมัคร ส.ส.จากทุกพรรคการเมืองอย่างเท่าเทียมกัน

กรณีหุ้นสื่อที่พุ่งเป้าไปยัง “ตำบลกระสุนตก” อย่างนายธนาธร

วันนี้ทำท่าจะเป็นกระสุนลูกแตก

พุ่งกระจายไปสู่เป้าหมายรอบทิศ

แม้แต่คนไม่คิดว่าจะโดนลูกหลง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image