การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราสถลมารคเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม จะอยู่ในความทรงจำของประชาชนตลอดไป สื่อต่างๆ ได้ถ่ายทอดและรายงานเหตุการณ์อย่างต่อเนื่องและครบถ้วน ตั้งแต่ขบวนเสด็จออกจากพระบรมมหาราชวัง ไปถวายราชสักการะยังวัดสำคัญ ก่อนกลับมาถึงพระบรมมหาราชวัง รวมเวลาร่วม 7 ชั่วโมง ประชาชนได้ชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประทับนั่งบนพระราชยาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี ที่ทรงดำเนินในขบวน นอกจากนี้ยังมีบุคคลสำคัญร่วมเดินจนสุดระยะทาง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งร่วมเดินในริ้วขบวนได้ถวายสดุดีว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องทรงฉลองพระองค์ครุยที่ทั้งหนักและหนา ประทับบนพระที่นั่งที่แคบและโคลงไปมาตลอดหลายชั่วโมง เช่นเดียวกับพระขัตติยะมานะของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดีที่ทรงร่วมขบวนทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน แม้ดูเหมือนระยะทางจะไม่ไกล แต่การเดินเท้าต้องใช้เวลาและความอดทน พระองค์ท่านและทุกๆ พระองค์มิได้ทรงทำเพื่อพระองค์เอง แต่ทรงธำรงไว้ซึ่งโบราณราชประเพณีที่สืบทอดมาตั้งแต่อดีต ทรงแสดงพระองค์เป็นต้นแบบของการรักษาคุณค่าของขนบธรรมเนียมที่มีอารยะและมีเอกลักษณ์ที่งดงามของโลก โดยสถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นสถาบันหลักและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ
ประชาชนเนืองแน่นสองข้างทาง เปล่งเสียงทรงพระเจริญ ด้วยความรู้สึกประทับใจ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตที่อยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ สัมผัสการเปลี่ยนผ่านอันงดงามของโบราณราชประเพณี อากาศที่ร้อนจัดไม่ได้เป็นอุปสรรค และในวันที่ 6 พฤษภาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังได้เสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ให้พสกนิกรที่ดั้นด้นมาจากทั่วสารทิศได้เฝ้าชมพระบารมี ทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงความผูกพันและเยื่อใยอันลึกซึ้งระหว่างสถาบันอันเป็นที่เคารพสักการะกับประชาชนที่ต่อเนื่องยาวนานและจะดำเนินต่อไปอย่างยั่งยืน
