สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนระเบิดขึ้นแล้ว : โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

นายทรัมป์ขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีน 25%

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.3 ล้านล้านบาท) จาก 10% เพิ่มเป็น 25% เริ่มมีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ทั้งๆ ที่ผู้แทนฝ่ายจีนนำโดยรองนายกรัฐมนตรี หลิว เหอ และผู้แทนสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้แก่โรเบิร์ต ไลธีเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ กับสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลัง ได้หารือกันนาน 90 นาที เมื่อค่ำวันพฤหัสบดี และทั้งสองฝ่ายยังคงจะเจรจากันต่อไปอีกในวันศุกร์โดยกระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผยเช่นกันว่า การเจรจาต่อรองจะดำเนินต่อไป โดยที่จีนหวังว่าสหรัฐอเมริกาจะยอมพบกันครึ่งทางเพื่อแก้ไขปัญหาขัดแย้งระหว่างกันผ่านความร่วมมือและการปรึกษาหารือกันต่อไป

แต่ทั้งๆ ที่ผู้แทนของรัฐบาลทั้งสองยังเจรจาต่อรองกันไม่ได้ข้อยุติ แต่ทางสหรัฐอเมริกาได้ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอันเป็นการรุกครั้งใหญ่ครั้งที่สองของสหรัฐอเมริกามีขึ้นในช่วงเวลาที่ผู้แทนของทั้งสองฝ่ายกำลังเจรจากันเป็นวันที่สองเพื่อกอบกู้ข้อตกลงที่มีเป้าหมายเพื่อยุติสงครามการค้าที่ยาวนานมาแล้ว 10 เดือน ระหว่างสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก ขณะที่จีนก็ประกาศสวนควันปืนทันทีว่าจะใช้มาตรการตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าขาเข้าจากสหรัฐอเมริกาในอัตราเร่งเช่นกัน

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน

กระทรวงพาณิชย์ของสาธารณรัฐประชาชนจีนออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม 2562 ว่าการตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐนั้นเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างใหญ่หลวงและจีนจะใช้มาตรการตอบโต้ตามความจำเป็น แต่คำแถลงไม่ได้ชี้แจงรายละเอียด

สำหรับอัตราภาษีศุลกากรใหม่ที่สหรัฐอเมริกาประกาศครั้งนี้มีผลบังคับใช้กับสินค้านำเข้าจากจีนมายังสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เวลา 00.01 น.ของวันศุกร์ โดยสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐจะจัดเก็บภาษีเพิ่มเป็น 25% กับสินค้ามากกว่า 5,700 ชนิด ที่ออกจากท่าเรือและสนามบินของจีนตั้งแต่เวลานั้น ส่วนสินค้าที่ออกเดินทางก่อนหน้านั้นจะยังคงจ่ายภาษีที่ 10%

Advertisement
สงครามเศรษฐกิจระหว่างสองมหาอำนาจ

นับตั้งแต่ปีที่แล้ว จีนและสหรัฐได้ขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้กันไปมาเป็นมูลค่าสินค้านำเข้าสองทางรวมกันมากกว่า 360,000 ล้านดอลลาร์ โดยภาษีศุลกากรที่ปรับเพิ่มขึ้นนี้จะกระทบต่อสินค้าของจีนหลายประเภท อาทิ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตในจีน, เครื่องจักรกล, ชิ้นส่วนรถยนต์ และเฟอร์นิเจอร์ ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ผู้แทนของทั้งสองฝ่ายจะเห็นถึงความเป็นไปได้ของการบรรลุความตกลง แต่สัปดาห์นี้บรรยากาศกลับมาตึงเครียดขึ้นอีกเมื่อทรัมป์กล่าวโจมตีจีนว่าผิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้

นายไมเคิล เทย์เลอร์ กรรมการผู้จัดการมูดีส์อินเวสเตอส์เซอร์วิส (มูดีส์เป็นธุรกิจจัดอันดับเครดิตพันธบัตรของบริษัทมูดีส์ เป็นสายธุรกิจแต่เดิมและชื่อเดิมของบริษัท มูดีส์อินเวสเตอส์เซอร์วิสจัดหาการวิจัยการเงินระหว่างประเทศเรื่องพันธบัตรที่ออกโดยหน่วยธุรกิจและรัฐบาล จัดว่าเป็นหนึ่งในสามสำนักจัดอันดับเครดิตที่ได้รับความเชื่อถืออย่างกว้างขวางร่วมกับสแตนดาร์ดแอนด์พัวส์และฟิชกรุ๊ป) กล่าวว่า การขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐอเมริกาครั้งนี้โดยประธานาธิบดีทรัมป์ครั้งนี้เพิ่มความเสี่ยงที่การเจรจาเพื่อยุติสงครามการค้าที่ดำเนินมาแล้วถึง 11 ครั้ง จะเลิกล้มไปเลยทีเดียว

ผลกระทบของปรากฏการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับสาธารณรัฐประชาชนจีนครั้งล่าสุดนี้จะทำให้การค้าทั่วโลกปั่นป่วน นอกเหนือจากตลาดหุ้น ตลาดทุนแล้ว ยังจะลุกลามไปถึงการบริโภค และการท่องเที่ยวด้วย ทั้งนี้ นอกจากประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากการส่งออกแล้ว อาจทำให้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทยลดลงด้วย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน รวมถึงในเอเชีย และยุโรปด้วย ดังนั้น เป้านักท่องเที่ยว 40 ล้านคน ก็อยู่ในความเสี่ยงเหมือนกันเพราะเมื่อเศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศได้รับผลกระทบก็จะมีผลต่อฐานะทางการเงินของนักท่องเที่ยวที่จะไปท่องเที่ยวที่ประเทศไทยอย่างแน่นอน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image