คนจีนรักชาติ

“4พฤษภาคม” ปีนี้ เป็นวันครบรอบ 100 ปีของนักศึกษาในกรุงปักกิ่งที่ทำการเคลื่อนไหวต่อต้านจักรวรรดินิยม และออกมาเดินขบวนเรียกร้องมิให้ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศจีนลงนามในสนธิสัญญาแวร์ซายที่กรุงปารีส เพราะจะทำให้ประเทศจีนสูญเสียอำนาจอธิปไตย

การสนองตอบสนธิสัญญาดังกล่าว เป็นชนวนให้นักศึกษา ประชาชน ออกมาทำการประท้วงบนท้องถนน พฤติกรรมเป็นการรักแผ่นดินถิ่นเกิด

เรียกกันว่า “ขบวนการ 54” หรือ “การเคลื่อนไหว 54” (五四運動) เป็นเหตุการณ์ประท้วงที่เกิดขึ้นวันที่ 4 พฤษภาคม 1919 หรือใช้เป็นสำนวนไทยประดิษฐ์ว่า “ขบวนการ 4 พฤษภา”

เป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ของจีน

Advertisement

รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับวันดังกล่าวมาก เมื่อถึงวันนี้ของทุกปี จะมีการฉลองและให้เป็นวันหยุดราชการ เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของนักศึกษาและบรรดาวีรชนที่รักชาติ

“ขบวนการ 4 พฤษภา” มีความคล้ายคลึงกับ “เหตุการณ์ 14 ตุลา” ของไทย

ต่างกันที่เวลาและประเด็นปัญหา กล่าวคือ จีนเกิดขึ้น 100 ปี ส่วนไทยเกิดขึ้น 46 ปี

Advertisement

ส่วนปัญหาของไทยคือ เรียกร้องประชาธิปไตยจาก “รัฐบาลเผด็จการถนอม” โดยนักศึกษาและประชาชนจำนวนหลายแสนคน ทำการประท้วงที่ถนนราชดำเนินอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ในที่สุดรัฐบาลออกคำสั่งให้ใช้กำลังปราบปราม มีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

แม้เวลาผ่านไปเกือบครึ่งศตวรรษ แต่ “คนเดือนตุลา” ส่วนหนึ่งก็ยังไม่คลายความระทม เมื่อถึงวันนั้นของทุกปีจะมีการจัดงานรำลึกถึงวีรชนที่สูญเสียไปเพราะการเฉพาะกิจ

ไม่ว่าการประท้วงการลงนามในสัญญาแวร์ซายของนักศึกษาและประชาชนจีน ไม่ว่าการเดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตยของนักศึกษาไทยและประชาชน

ล้วนเป็นจุดหมายเดียวกันคือ “รักชาติ”

ก็เพราะคำว่า “รักชาติ” จึงเป็นเหตุให้เกิด “ขบวนการ 54” เมื่อ 100 ปีก่อน

นอกจากปัญหาที่จีนถูกเหยียบย่ำอธิปไตย ยังมี “สงครามฝิ่น” ซึ่งเป็นข้อพิพาทระหว่างจีนกับอังกฤษ นำมาซึ่งการล้มล้างรัฐบาลสมัยชิง วัฒนธรรมประเพณีถูกทำลายจนหมดสิ้น หมดขนาดสิ้นเนื้อประดาตัว คนจีนหลงทาง ไม่ทราบจะไปทางไหน เพราะไม่มีทางจะไป คนรักชาติทนดูต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมิได้ ความวุ่นวายและวิกฤตจึงเกิดขึ้น

“ขบวนการ 54” เป็นวิกฤตที่สร้างโอกาสให้ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นสังคม ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง ล้วนได้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์จีนโฉมหน้าใหม่

คุณค่าแห่ง “ขบวนการ 54” ยังยากต่อการประเมินผล แต่ที่สามารถยืนยันได้ก็คือ ผู้ร่วมขบวนการเปี่ยมด้วยความรักชาติและเอาใจใส่ต่อทิศทางการพัฒนาประเทศและชาติพันธุ์

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ “วัตถุประสงค์ที่สำคัญที่สุดของขบวนการ 54 คือธำรงรักษาไว้ซึ่งความอยู่รอดของชาติพันธุ์และความเป็นเอกราช”

เวลาผ่านไปครบ 100 ปีบริบูรณ์ ประเทศเติบใหญ่ คนรุ่นใหม่ควรต้องสานต่ออุดมการณ์ของวีรชนซึ่งถือเป็นบรรพบุรุษ เพื่อธำรงไว้ซึ่งเอกภาพและความอยู่รอดสืบไป

แต่ดูเหมือนว่า คนรุ่นใหม่มีพฤติกรรมอัน “ลักลั่นย้อนแย้ง” ต่อการพัฒนาประเทศ กล่าวคือวิถีชีวิตเปลี่ยนไป ภาระความรับผิดชอบรัดตัว โดยเฉพาะคนรุ่นหนุ่มสาวที่อยู่ในเมืองใหญ่ บ้านเช่าข้าวซื้อ และแพงด้วย เป็นเหตุให้ค่าครองชีพสูง ความรับผิดชอบก็สูง จึงจำเป็นต้องดิ้นรนทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อให้สมดุลกับค่าครองชีพ ด้วยการทำงานที่เรียกว่า “ระบบ 996”

“ระบบ 996” คือระบบการทำงานของเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โดยทำงานตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. พักเที่ยง 1 ชั่วโมง และเย็น 1 ชั่วโมง รวมเวลาทำงานวันละ 10 ชั่วโมง และทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแรงงานของสาธารณรัฐประชาชนจีน

ทำงานหามรุ่งหามค่ำเช่นนี้ จะเอาเวลาที่ไหนไปคิดเรื่อง “รักชาติ” เพราะยังเอาตัวไม่รอด

สังคมเปลี่ยนไป ระบบทำงานเปลี่ยนไป ไม่มีเวลาเป็นของตนเอง ชีวิตก็เกิดความเฉา และยังต้องแบกภาระดูแลครอบครัว รับแรงกดดันจากนายทุนหน้าเลือด พบกับสังคมที่ไร้น้ำใจ อีกทั้งสังคมวัยสูงอายุใกล้เข้ามาทุกขณะ พวกเขาเหล่านั้นจักต้องรับ “ไม้ต่อ” อาการเครียดจึงเกิด

ชีวิตวัยรุ่นเกิดความกังวลในดวงหทัย เปรียบเสมือนเรือที่ปราศจาก “หางเสือ”

ชีวิตของตนยังจะเอาไม่รอด แล้วความ “รักชาติ” จะเกิดขึ้นได้อย่างไร

นี่คือปัญหาของคนรุ่นใหม่

แต่สปิริตของ “ขบวนการ 54” คือส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ต้องมีความกล้าในการรับผิดชอบ ช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ของประเทศ ทำเรื่องที่สร้างสรรค์ให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้

ฉะนั้น เป้าหมายของ “ขบวนการ 54” จึงเกิดการ “ย้อนแย้ง” กับวิถีชีวิตสมัยใหม่

เป็นความระทึก

ศ.ชยานันต์ ศุกลวณิช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image