ผู้เขียน | สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน |
---|
จากรายงานผลการดำเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศ ที่ ครม.ต้องแจ้งความคืบหน้าให้สภาผู้แทนราษฎรรับทราบ เป็นการเปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้อภิปรายกันในเรื่องปฏิรูปนี้อย่างกว้างขวาง และชาวบ้านได้รับรู้กันผ่านการถ่ายทอดสดทางทีวีและทางออนไลน์เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
ความจริงประชาชนส่วนใหญ่ก็ได้เห็นกันอยู่แล้วว่า ที่กล่าวอ้างกันเรื่องประเทศต้องปฏิรูปตลอด 5 ปีที่ผ่านมานั้น มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ยิ่งได้มาฟังจาก ส.ส. โดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้านที่อภิปรายชำแหละกันข้ามวัน ทำให้ได้นั่งสรุปทบทวนความเป็นจริงของกระบวนการเรื่องนี้กันอีกครั้ง
เพราะเมื่อ 5 ปีก่อน มีการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่เมื่อรัฐบาลนั้นยอมถอยกรูด ด้วยการประกาศยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนไปตัดสินกันใหม่
แต่แกนนำการชุมนุมกลับไม่เลือกทางออกตามวิถีประชาธิปไตยดังกล่าว
อ้างว่าการเมืองของเราในวันนั้นเลวร้ายสุดขีด สมควรต้องปฏิรูป
สร้างวาทกรรม “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”
ผลก็คือประชาธิปไตยต้องล้มคว่ำ ไม่มีการเลือกตั้งมายาวนาน 5 ปี เพราะต้อง “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”
มาถึงบัดนี้มีการเลือกตั้งแล้วเมื่อ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ก็เลยได้มาสรุปทบทวนกันว่า ตลอด 5 ปีดังกล่าว มีการ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” อะไรเกิดขึ้นบ้าง
เริ่มจากม็อบที่ไม่ยอมรับการเลือกตั้งในปี 2557 ขอ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ทำให้เราได้รัฐบาล คสช.ที่เป็นยุคไร้ประชาธิปไตย แถมอยู่ยาวนาน ด้วยข้ออ้างต้องดำเนินการปฏิรูป
ตอนนี้ได้นายกฯคนเดิมกลับมาอีกรอบ ด้วยข้ออ้างอย่างหนึ่งคือมาสานภารกิจปฏิรูปต่อ
แต่จากคำอภิปรายในสภาของเหล่า ส.ส.หลายราย บอกตรงกันกับที่ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยเฝ้ามองอยู่
นั่นคือข้ออ้าง “ต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ก็แค่ข้ออ้างเพื่อเปลี่ยนแปลงการเมืองเมื่อปี 2557 เท่านั้นเอง
เปลี่ยนด้วยการหยุดประชาธิปไตย และให้ฝ่ายผู้ถืออาวุธเข้าคุมอำนาจสักระยะ แต่หนนี้เป็นระยะที่ค่อนข้างยาวมาก
แล้วหลังการโค่นล้มและช่วงชิงอำนาจสำเร็จ ก็มิได้เกิดการปฏิรูปการเมืองอะไรที่เป็นการก้าวไปข้างหน้าหรอก
แต่กลับเขียนกฎกติกา เขียนรัฐธรรมนูญ และกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อควบคุมระบบการเมืองไม่ให้ก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลง จุดประสงค์คือการฉุดการเมืองให้ย้อนยุคกลับไป เพื่อให้ฝ่ายนักการเมือง พรรคการเมือง ไม่สามารถมีอำนาจอะไรได้มากนัก
มีหลายหัวข้อในรายงานผลการดำเนินการแผนปฏิรูปประเทศ ที่โดน ส.ส.อภิปรายวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นสภา
แต่หัวข้อหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านได้สัมผัสด้วยตัวเองมาใหม่ๆ หมาดๆ นั่นคือ การกล่าวอ้างถึงการปฏิรูปการเลือกตั้งเพื่อให้สุจริตเที่ยงธรรม
โดยให้ดูการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม ซึ่งจัดขึ้นในยุคที่ปฏิรูปการเมืองมาแล้ว 5 ปี
เรื่องนี้เรื่องเดียวประชาชนคงเห็นได้ด้วยตัวเองว่า ที่เขาปฏิรูปกระบวนการเลือกตั้งแล้วเป็นเช่นไร
ฝ่ายที่ผลักดันการปฏิรูปการเมืองนี่แหละ สร้างพรรคการเมืองแบบล้าหลังโบร่ำโบราณขนาดไหน
ไม่เท่านั้น ปฏิรูปเสียจน บังเกิดกลวิธีปาฏิหาริย์ อภินิหาร และสูตรพิสดาร
หนักหนาสาหัสกว่านั้นคือ ตอนนี้พูดกันติดปากในหมู่ประชาชนถึง โปรย้ายค่าย รอดคดีได้ง่ายๆ โจ่งแจ้งไม่ต้องเกรงใจใคร
ทั้งหลายทั้งปวง คล้ายกับที่หลายคนเคยสรุปแล้วว่า
การปฏิรูปที่ชูกันเมื่อ 5 ปีก่อนนั้น เป็นการปฏิรูปที่ต้องแปลว่าปฏิวัติรัฐประหารนั่นเอง
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน