ผู้เขียน | โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ |
---|
เนื่องในโอกาสที่ใกล้วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาผู้เขียนมีพระธรรมมาฝากท่านผู้อ่านที่เคารพจากพระไตรปิฎกที่ผู้เขียนชอบมากจึงถือโอกาสนำเสนอก่อนวันสำคัญทางศาสนาที่จะถึงนี้ด้วยครับโดยอ้างอิงพระไตรปิฎกอย่างละเอียดด้วย เพื่อที่ท่านผู้อ่านที่เคารพอาจจะมีศรัทธาไปค้นคว้าศึกษาเพิ่มเติมต่อสืบไป
ส่วนแรกคือปฐมพลสูตร สุตันตปิฎก อังคุตรนิกาย อัฏฐนิบาต เล่ม 23 ข้อ 27 หน้า 251 ท่านอธิบายถึงที่มาของกำลัง 8 ประการของคน 8 จำพวก คือ
1.ทารกมีการร้องไห้เป็นกำลัง อธิบายง่ายๆ เลยคือกำลังอำนาจของทารกนั้นมาจากการร้องไห้โดยแท้ คือพอร้องไห้ขึ้นมาบรรดาผู้ใหญ่โดยเฉพาะมารดาก็ต้องวิ่งวุ่นสนองความต้องการของทารกจนเป็นที่พอใจของทารกเลยละ
2.มาตุคาม (ผู้หญิง) มีความโกรธเป็นกำลัง อันนี้ตรงกับที่ William Shakspeare เขียนไว้ว่า “Hell hath no fury like a woman scorned.” ซึ่งเชคสเปียร์ เขียนทีหลังคำสอนของพระพุทธเจ้าตั้งนาน สำหรับท่านผู้อ่านผู้ชายที่มีอายุมากแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากต้องเข้าใจความหมายของว่าเวลาสุภาพสตรีโกรธแล้วอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ยังงั้นผู้ชายจะกลัวเมียหรือครับ
3.โจรมีอาวุธเป็นกำลัง ข้อนี้เป็นความจริงประจักษ์แจ้งในตัวของมันอยู่แล้ว ไม่ต้องอธิบายอะไรก็ได้
4.พระราชามีอิสริยยศเป็นกำลัง ข้อนี้ก็ชัดแจ้งอยู่ในตัวของมันอยู่แล้วเช่นกัน
5.คนพาลมีการเพ่งโทษผู้อื่นเป็นกำลัง อันนี้เห็นจะต้องสารภาพละครับว่าเมื่ออ่านถึงตรงนี้แล้วก็สะดุ้งผวาเหมือนกันเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองก็เป็นคนพาลเหมือนกันเนื่องจากว่าเคยแต่เชื่อว่าตัวเองเป็นคนดี !
6.บัณฑิตมีการไม่เพ่งโทษเป็นกำลัง ครับ ! บรรดาปริญญาชนที่เป็นบัณฑิต (ปริญญาตรี) มหาบัณฑิต (ปริญญาโท) ดุษฎีบัณฑิต (ปริญญาเอก) ระวังดีๆ นะครับ มิน่าละพวกนักวิชาการบ้านเราถึงอ่อนปวกเปียกกันเนื่องจากไม่ค่อยจะมีกำลังนี่เอง มัวแต่ไปเพ่งโทษผู้อื่นเสียหมด
7.พหูสูตรบุคคลมีการพิจารณาเป็นกำลัง อันนี้คือพวกคนรู้รอบ รอบรู้ต้องหมั่นพินิจพิจารณา ไม่ใช่ปากไวกว่าความคิด
8.สมณพราหมณ์มีขันติเป็นกำลัง นักบวชต้องมีความอดทนเป็นกำลัง ข้อนี้คงต้องอธิบายว่า
นักบวชจะมีครอบครัวเหมือนคนธรรมดาย่อมไม่ได้ ต้องอดทนเยอะครับ ถ้าไม่อดทนก็โดนจับสึก
ดังนั้นเรื่องนักบวชต้องมีความอดทนเป็นกำลังนี่เรื่องจริงแท้เลยนะครับ
คราวนี้มาเรื่องที่สองครับเป็น “ปราภวสูตร” ก็คือสูตรของการปราชัย พูดง่ายๆ ว่าใครอยากจะแพ้ภัยตัวเองหรือไม่ต้องการแพ้ภัยตนเองก็ต้องอ่านพระสูตรนี้ อยู่ในพระไตรปิฎกเล่ม 25 ข้อ 91-115 หน้า 437-442 มี 12 ข้อ
1.ผู้เกลียดธรรม
2.คนหลงเชื่อคำสอนของอสัตบุรุษ ข้อนี้เมืองไทยสมัยนี้มีเยอะ ต้องระวังให้มากๆ
3.เกียจคร้าน ชอบพูดคุยแบบที่เรียกว่าเมาธ์แตกนั่นแหละครับ โกรธง่าย
4.ผู้ไม่ยอมเลี้ยงดูบิดามารดาผู้แก่ชรา (ยกเว้นบุตรไร้ความสามารถ)
5.คนชอบหลอกลวงตั้งแต่หลอกคนจน หลอกผู้โง่เขลา จนถึงหลอกสมณพราหมณ์
จัดเป็นชั่วเหมือนกันนำไปสู่ความปราชัยทั้งสิ้น ไม่ใช่ว่าหลอกคนฉลาดหรือหลอกคนดีแล้วผิดมากกว่านะครับ
6.คนมีทรัพย์แต่แอบกินของอร่อยคนเดียว ข้อนี้ชัดนะครับคือความตระหนี่นั่นเอง
เพื่อนฝูงทะเลาะกันเรื่องหวงของกินนี่มีเยอะแล้ว ซึ่งตรงข้ามกับคำที่ว่า “ผู้ให้ย่อมผูกไมตรีไว้ได้”
7.ผู้เย่อหยิ่งในชาติกำเนิดในทรัพย์สิน ในวงศ์ตระกูลชอบดูถูกหมิ่นญาติพี่น้อง ข้อนี้
ชัดอีกเหมือนกัน ความจริงก็คนเหมือนกันทั้งนั้น ทำไมต้องดูถูกดูแคลนคนอื่นกันด้วย
8.เป็นนักเลงผู้หญิง นักเลงสุรา นักเลงการพนัน เป็นอย่างใดอย่างหนึ่งก็แพ้ภัยตัวเองแน่นอน ของแพงๆ ทั้งนั้นเลยพาไปสู่ความฉิบหายทั้งนั้น
9.ไม่พอใจเพียงภรรยาของตน ชอบคบชู้สู่สาวภรรยาของคนอื่น ข้อนี้นอกจากจะแพ้ภัยตนเองแล้วยังจะโดนสามีเขาฆ่าเอาได้ง่ายๆ อันตรายจังเลย
10.ข้อนี้สำคัญมากครับ คือคนแก่ได้ภรรยาสาวมีความหึงหวง นอนไม่ค่อยหลับ แหม ! ถึงตอนนี้เห็นจะต้องเอาคำบาลีมาเพื่อความหนักแน่นหน่อย นัยว่าจะได้ศักดิ์สิทธิ์เตือนใจผู้เขียนด้วยครับ
อะตีตะโยพพะโน โปโส อาเนติ ติมพะรุตถะนิง,
ตัสสา อิสสา นะ สุปปติ ตัง ปะราภะวะโต มุขัง.
“ชายใดผู้ถึงวัยแก่เฒ่าชราแล้ว ได้นำหญิงสาวแรกรุ่นมาเป็นภรรยา,
เขาย่อมนอนไม่หลับเพราะความหึงหวง และห่วงอาลัยในหญิงนั้น. ข้อนั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม.”
11.ตั้งหญิง/ชายที่เป็นนักเลงใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเป็นผู้บังคับบัญชา
12.เกิดในขัตติยตระกูล มักใหญ่ใฝ่สูง แต่มีทรัพย์สมบัติน้อยไม่พอแก่การใช้จ่ายในการใหญ่ แบบว่ามีกำลังไม่พออย่าคิดการใหญ่
แหม ! ข้อนี้ก็วิเศษจังแบบว่าไม่มีสตางค์เยอะๆ ก็อย่าริเล่นการเมืองเลยนั่นแหละ
ครับ ! ของฝากจากพระไตรปิฎกในวาระอันพิเศษนี้คงเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านที่เคารพบ้างนะครับ